อ้วนลงพุง รู้ได้อย่างไร มีผลต่อร่างกายอย่างไร

ไม่น่าถามนะ ว่าอ้วนลงพุงหรือเปล่า ? ดูด้วยตาก็รู้  ใช่ครับ ดูด้วยตาก็รู้ แต่มันขนาดไหนกันที่เรียกว่า อ้วนลงพุง แล้วมันมีอะไรที่เป็นสัญญาณ หรือข้อบ่งชี้บ่งบอกว่าเราอ้วนลงพุงล่ะ ! มาดูกันครับ

bikini-841082_1280คนอ้วนลงพุงเราก็เห็นมากมายในเมืองไทยอันอุดมสมบูรณ์ของเรา ซึ่งก็ใช้ชีวิตปกติเหมือนคนทั่วไปแหละ แต่ว่ามีสิ่งหนึ่งที่มันชัดเจน เจ๋งเป้ง คือ มีพุง ล้ำหน้ามากกว่าคนปกติทั่วไปนั่นเอง หรือหลายคนจะบอกว่ายืนตรง แล้วก้มมองปลายเท้าดูว่ามองเห็นหรือเปล่า ? ก็ได้ครับวิธีนั้น แต่เรามีวิธีที่เป็นหลักเป็นการหน่อย คือ การวัดที่รอบเอวซะเลย หาสายวัดมาวัดรอได้เลยครับ แล้วมาดูว่าผลจะเป็นอย่างไร โดยไม่ควรมีรอบเอวเกินจากนี้ มีค่าเกณฑ์แยกชายหญิงดังนี้ครับ เกินจากนี้ถือว่าอ้วนลงพุง

slimming-2728331_1920

ผู้ชาย ที่มีรอบเอวเกิน 90 เซนติเมตร (ประมาณ 35.5 นิ้ว)

ผู้หญิง ที่มีรอบเอวเกิน 80 เซนติเมตร (ประมาณ 31.5 นิ้ว)

เมื่อเรามีขนาดรอบเอวเกินมาตรฐาน แล้วยังไง ? ก็ไม่เห็นจะมีอะไร ไม่มีอะไรก็ดีไปครับ แต่เรามักจะตรวจเจออาการอื่นๆ แอบแฝงมากับมวลไขมันรอบเอวของเราหลายอย่างด้วยกัน คือ

  • ความดันโลหิตสูง มากกว่า 130/80 มิลลิเมตรปรอท
  • น้ำตาลในเลือดสูง ตั้งแต่ 100 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตรขึ้นไป
  • ไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์สูง ตั้งแต่ 150 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตรขึ้นไป
  • คอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL Cholesterol) ต่ำกว่า 40 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตรสำหรับผู้ชาย หรือต่ำกว่า 50 ลิลลิกรัมต่อเดซิลิตร สำหรับผู้หญิง

ส่งท้ายกันด้วยสัญญาณเตือนที่มาพร้อมกับความอ้วน

headache-2058476_1920บางครั้ง อาการปวดศีรษะหรือเวียนศีรษะอาจเป็นสัญญาณที่กำลังบ่งบอกเราว่า เส้นเลือดสมองของเรากำลังทำงานผิดปกติ หรือผู้ที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงเข้าขั้นเบาหวานอาจมีอาการปัสสาวะบ่อย กระหายน้ำบ่อย หากความผิดปกติแบบนี้มาเยือนร่างกายเวลาเดียวกับที่รอบเอวที่เพิ่มขึ้น นั่นก็หมายความว่าโรคร้ายต่างๆ ได้เริ่มเข้าใกล้คุณมากกว่าที่เราคิดแล้วครับ

อยู่ที่พวกเราทุกคนแล้วละครับ ว่าอยากเก็บพุงไว้ หรือขจัดมันออกไป เพื่อสุขภาพดีมีสุขของเรา อยู่กันยาวๆ ปาย

ลิงค์แนะนำ ลดน้ำหนักด้วยบอดี้คีย์ (BodyKey) จาก 77 เหลือ69

ฝากช่วยกด Like กด Share ด้วย ขอบคุณครับผม

เป็นเพื่อนแชทพูดคุยกันได้ที่ Line id : chavanut

หรือถนัด Talk ก็นี่เลย! มือถือ : 080 966 6866

รีวิว เที่ยวกระบี่ เกาะห้อง เกาะผักเบี้ย เกาะเหลาล่าดิง 3 วัน 2 คืน

เข้าหน้าร้อนแล้วไปไหนกันดี ผู้คนส่วนใหญ่ก็ตอบว่า “ต้องไปเที่ยวทะเลดิ ท้องฟ้าสีฟ้าสดใส อากาศร้อน อบอุ่น ได้นุ่งบิกินี่อวดหุ่นสวยกัน”  ผมก็เหมือนกันร่างกายต้องการทะเล ปีนี้ผมเลือกไป กระบี่ เมืองร้อยเกาะทางภาคใต้ของไทยเรา ถือว่าเป็นการฉลองตรุษจีน Chinese New Year 2018 ก็เลยถือโอกาสมารีวิวแชร์เพื่อนๆ ตามประสาผมละกัน ตามมุมมองที่ผมได้ไปเจอมาละกันนะครับ

ทริปนี้เดินทางโดยสายการบินนกแอร์ ทั้งไปและกลับ รวมคนละประมาณ 4,500 บาท ราคาสูงกว่าปกติ เพราะเป็นช่วงเทศกาลตรุษจีน นี่หาได้ราคาถูกที่สุดเท่าที่จะหาได้ละครับ อย่างสายการบินแอร์เอเซีย ไปกลับก็ 5 พันกว่า ผลจากการไม่ได้จองล่วงหน้านานพอ เราควรลองจองแต่เนิ่นๆ ล่วงหน้าสัก 3-4 เดือน นั่นหมายความว่า เราต้องวางแผนเที่ยวล่วงหน้ากันประมาณเกือบ 6 เดือน ครึ่งปีกันเลยทีเดียว ส่วนเส้นทางการท่องเที่ยวผมก็เสิร์ชหาข้อมูลเอาจากรีวิวของคนที่ไปเที่ยวมา แล้วมาคัดเลือกจัดทริปตามที่ผมชอบเอาครับ ยุคนี้อินเตอร์เน็ตช่วยให้ง่าย สะดวกสบาย ส่วนที่พักก็หาดูจาก Agoda เพราะผมมีแต้มสะสมใช้ลดได้อยู่ หรือหลายคนอาจจะดูจาก Booking.com ก็ได้นะครับ ลองเลือกมาเปรียบเทียบดู ส่วนใหญ่ผมดูจาก 2 เจ้านี้ละครับ ราคาต่างกันบ้าง แต่ต้องดูเงื่อนไขดีๆ เช่น มี Breakfast หรือไม่มี บางทีราคาถูกแต่ไม่มี Breakfast บางทีจ่ายเพิ่มอีกนิดนึง แต่มี Breakfast ให้ด้วย ลองพิจจารณาดูว่า โอเคมั๊ย! อ้อ! 2 เจ้านี้ต่างกันที่ Agoda จ่ายเลย หักบัตรเครดิตเลย ส่วน Booking.com เราสามารถไปจ่ายที่โรงแรม รีสอร์ทที่พักได้เลย ก็เลือกตามสะดวก มาดูเส้นทางกันเลยดีกว่า

Processed with MOLDIV

Timeline เส้นทางเที่ยววันที่ 1

นี่คือเส้นทางวันแรก เริ่มจากขึ้นเครื่องที่สนามบินดอนเมือง ผมชอบสับสนเรื่องว่าขึ้นเครื่องอาคารไหนกันแน่ตลอด แต่ผมพอจะจับประเด็นสรุปได้ว่าอย่างนี้ครับ

อาคาร 1  ต่างประเทศ ควรถึงสนามบินก่อนประมาณ 3 ชั่วโมง

อาคาร 2  ในประเทศ ควรถึงสนามบินก่อนประมาณ 2 ชั่วโมง

ชั้นบน ขาออก

ชั้นล่าง ขาเข้า

ผมใช้บริการสายการบินนกแอร์ก็หิ้วกระเป๋าขึ้นเครื่องได้ ไม่เกิน 7 กก. เช็คอินผ่านมือถือสะดวกดีครับ ที่สำคัญอีกอย่างคือ บัตรประชาชน ต้องพกไปด้วยตลอดอย่าได้ลืมเชียว ข้อห้าม ห้ามพกของเหลวเกินขวดละ 100 ซีซี รวมกันไม่เกิน 1,000 ซีซี ส่วน Power Bank ห้ามโหลดเข้าใต้ท้องเครื่องบิน ต้องพกติดตัวขึ้นเครื่อง ความจุห้ามเกิน 32,000 มิลลิแอมป์ แต่ส่วนใหญ่เราจะใช้กันประมาณ 10,000 มิลลิแอมป์ สบายครับพกขึ้นได้เลย อันนี้คร่าวๆ ของการเดินทางโดยเครื่องบิน

EA7B1FC8-4189-4220-A0EE-82CBEB429568

ถึงสนามบินนานาชาติกระบี่ ผมก็ใช้บริการเช่ารถจาก AVIS ได้ Toyota Altis 1.6 ใหม่เชียว ค่าเช่ารวมประกันภัยก็ 3,900 กว่าบาท วันละพันบาท ประกันประมาณ 8 ร้อยกว่าบาท ต้องรูดบัตรเครดิตกันวงเงินมัดจำไว้อีก 8,000 บาท หลังจากส่งรถจะคืนวงเงินให้อีก 7 วันถัดไป ออกจากสนามบินกระบี่ก็นี่เลย สระมรกต ไปไม่ถูกก็เปิด Google Map พิมพ์คำว่า “สระมรกต” เจอเลย “Emerald Pool” ระหว่างทางที่ไปเกิดหิว ง่ายสุดก็ผ่านร้านไหนก็แวะกินร้านนั้น จะได้ไม่เสียเวลา ขับมาสักพักเจอร้านติ่มซำ เลยแวะกินติ่มซำ @ร้านบุญจิรา แต่เตี้ยม มีคนนั่งกินกันอยู่คับคั่งใช้ได้เลย ที่สำคัญ อร่อย ถูก และมันเป็นทางผ่าน ง่ายๆ มีขายขนมจีนด้วย ติ่มซำเข่งละ 10 บาท 15 บาท เท่านั้นเอง อาจจะมีให้เลือกไม่เยอะมาก แต่กินได้ รสชาติดีทีเดียวครับ ที่นี่บางทีเขาก็เรียก “แต่เตี้ยม” กินกับชาร้อน หวาน มัน นี่มันสุดยอดจริงๆ ความสุขเริ่มต้นที่ปลายลิ้นก่อนเลย ผ่านสู่ท้องอิ่มเบ่งบานเสร็จก็ออกเดินทางไปต่อกันเลย

31F7A26D-5C98-4D0C-B5E7-CE4FBFF649F1

ที่นี่ตอนแรกไม่ได้อยู่ในแผนการเดินทาง แต่พอขับรถจะไปสระมรกต ดันเห็นป้าย “น้ำตกร้อน” ก่อนถึงที่หมาย เลยตัดสินใจแวะเพิ่มเข้ามาในไทม์ไลน์ ซึ่งก็ไม่ผิดหวังครับ นักท่องเที่ยว ทั้งไทยเทศแขกจีน เพียบ ไม่น่าเชื่อ ขับรถเช่าเข้ามาจอด เจอรถตู้นักท่องเที่ยวจอดอยู่เพียบ ก่อนเข้าก็จ่ายค่าเข้าคนไทยคนละ 20 บาท ค่าจอดรถ 30 บาท ถูกมาก แต่ถ้าเป็น นักท่องเที่ยวต่างชาติ ถ้าผมดูไม่ผิด คนละ 200 บาทนะครับ มิน่าพอเข้าไปข้างในได้ ฝรั่ง แขก จีน ก็แก้ผ้า นุ่งบิกินี่ ขาสั้น ลงเล่นน้ำเต็มตรงน้ำตกไปหมด แทบไม่มีที่ให้แทรกตัวเข้าไปได้เลย ลองดูในรูปดิครับ ในขณะที่ตรงทางเข้า เขาก็ทำเป็นสระน้ำร้อนสวยๆ ให้เล่นสบายๆ แต่ไม่ค่อยมีใครมาเล่น อาจจะไม่ ฟิน! ไม่ได้บรรยากาศใกล้ชิดธรรมชาติเท่าตรงน้ำตก เดินดูฝรั่ง จีน เล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน ผมก็สนุกสนานสายตา 555555 แบบว่าตื่นตาตื่นใจ อิอิ!!! ไม่เล่นน้ำละ แค่ดูก็ ฟินแล้ว อยู่ที่นี่พักนึงก็กลับออกมาเดินทางไปยังเป้าหมายต่อไป

A3214792-6BD4-45A4-B0E5-E8B98FDD60AEขับรถต่อมาอีกไม่ไกลก็มาถึง “สระมรกต” อันเลื่องลือ มีลานจอดรถ จะจอดที่หน้าอุทยาน หรือรีสอร์ทด้านหน้าก็ได้ ก็เสียค่าจอดไป มีร้านขายของ ทั้งของกิน เสื้อผ้า ของที่ระลึกให้เลือกซื้อครับ ตอนนี้แดดแรงมาก แนะนำพกกันแดด แว่นกันแดด และหมวกอีกสักใบก็ดีครับ แดดแรงจริงๆ ซื้อหาของกินเสร็จก็เดินมาที่ทางเข้า มาที่นี่ก็จ่ายเงินค่าเข้าตามธรรมเนียม ซึ่งค่าเข้าเท่ากับที่ น้ำตกร้อนกระบี่ ตอนจะเข้าเขาห้ามเอาของกินติดเข้าไปครับ ถ้ายังกินไม่หมดก็ฝากวาง หรือแขวนไว้ที่ทางเข้า เขามีทำที่แขวนไว้ให้ ดีครับ เดินเข้ามาก็ร่มรื่น มองไปทางขวาก็มีน้ำให้เล่นแล้ว เด็กๆ เล่นกัน เจี๊ยวจ๊าวเชียว เดินมานิดก็มีป้ายบอกว่า สระมรกต อีก 1,400 เมตร เปงลมดีก่า! ก็มีทางเดินชมธรรมชาติไปเรื่อยๆ แปลกเดินไปไม่นานก็ถึงครับ เพลินๆ เดินเข้ามาที่สระมรกต สวยตามคำร่ำลือ มองไปทางไหนก็คราคร่ำไปด้วย ผู้คนนักท่องเที่ยวสารพัดชาติพันธุ์ ที่สนุกสนาน ส่งเสียงอย่างมีความสุขกับการลงเล่นน้ำในสระสีเขียวมรกตสวยงามที่ธรรมชาติสร้างไว้ให้เมืองไทย ผมว่าฝรั่งคงอิจฉาคนไทย ที่มีธรรมชาติที่สวยงามเช่นนี้ ผมนั่งดื่มด่ำกับบรรยากาศที่แสนรื่นรมย์อยู่นานเหมือนกันครับสำหรับที่นี่ นี่ขนาดยังไม่ได้ลงไปแหวกว่ายในสระนะครับ ถ้าได้ลงมันจะสุขขนาดไหน แค่คิดก็มีความสุขแล้ว ตอนเดินออกกลับมาก็ออกอีกเส้นทางนึงเป็นเส้นถนน รู้สึกว่าแป้บเดียวก็ถึงทางออก เตรียมตัวไปอีกที่นึงตามไทมไลน์ที่วางไว้

41F7A5E5-D718-47BB-8EFB-C6061DE2DB75

ขับรถมาเพื่อจะไปอีกที่นึง เริ่มหิวเลยเวลาก็เลยเที่ยงมาก็บ่ายกว่าๆ แล้ว ระหว่างทางเหลือบเห็นร้านตกแต่งน่านั่ง ก็เลยแวะอีกละ ไม่ไหวแล้ว หิวแสบไส้ไปหมดแล้ว เป็นร้านชื่อว่า “ร้านกินเส้น” เป็นร้านอิสลาม ผมว่าที่กระบี่เนี่ย พี่น้องมุสลิมเยอะนะครับ เห็นมีอยู่ทุกที่ อยู่กันอย่างสงบมีความสุข ร้านนี้ก็ขายพวก ก๋วยเตี๋ยว เนื้อตุ๋น และมีพวกเส้นใส่ซีฟู้ดด้วย มีน้ำปั่นผลไม้สด ผมสั่ง เนื้อตุ๋น ข้าวเปล่า เสาวรสปั่นแก้วนึง ลองซดน้ำคำแรก ว้าว! มันอร่อยมากครับ เนื้อก็นุ่ม เปื่อย ไม่ต้องออกแรงเคี้ยวเลย โดนใจครับ ยกนิ้วโป้งให้ 2 นิ้วเลยครับ ผ่านไปมาแวะกินได้เลย สำหรับคนกินเนื้อแบบพวกเรา

C5E55EEF-BB1E-440E-83F7-73247C443B77

มาถึงแล้ว “ท่าปอมคลองสองน้ำ” วันนี้เที่ยวน้ำจืดอย่างเดียวเลย ที่นี่เป็นลักษณะเหมือนป่าโกงกาง แต่แอ่งน้ำใสๆ ให้เล่น สีน้ำสวยมากทีเดียว มีที่จัดไว้ให้เล่นน้ำ จะได้ไม่ขัดศรัทธา เดินไปเรื่อยๆ เพลินมากครับ วนเป็นรอบวงกลม ผมคิดเล่นๆ นะนี่ถ้ามีห้องพักที่นี่ให้พัก มันจะสุดยอดขนาดไหน แต่กลัวเรื่องยุง เพราะยุงเยอะพอสมควร ดูตามภาพได้เลยครับว่า บรรยากาศแบบนี้ ชอบมั๊ย ชอบมั๊ย

2C67381D-07C3-43C2-8B23-945FAD677C72

กลับเข้ามาเช็คอินยังที่พัก คือ พิตต้า เฮ้าส์ สวยงามสมราคาครับ ผมจองผ่าน Agoda ตกแค่คืนละ 700 บาทเท่านั้น มีที่จอดรถ ห้องสะอาด สอ้านดีครับ เข้ามาอาบน้ำเสร็จก็แต่งตัวออกไป ดินเนอร์ ก็สอบถามน้องที่เค้าเตอร์ น้องเขาแนะนำ “ร้าน ปูดำ” คุ้มค่า คุ้มราคา ไม่แพงแน่นอน เลยขับรถออกมาก็ไม่ไกลจากที่พัก ถึงร้านก็เดินมา โอ้โห! คนเต็มแน่นร้านไปหมด นี่เขาให้กินฟรีหรือเปล่าเนี่ย คนถึงเยอะขนาดนี้ ยืนรอไม่นานก็ได้โต๊ะนั่ง นั่งเสร็จก็รีบสั่งเลย หิว จะ 2 ทุ่มแล้ว ขอกุ้งแชบ๊วยอบเกลือ มีปูอะไรบ้าง แล้วหอยชักตีนมีมั๊ย ? น้องพนักงานตอบมาแบบฉะฉานแบบคนใต้ “ไม่มีไหรเลย หมด ปูหมด กุ้งหมด หอบชักตีนไม่มี” แป่ว!! แล้วจะมีอะไรให้กินละเนี่ย! น้องบอกว่า “ต้องมาตั้งแต่ตอนเย็นๆ แต่ตอนนี้มีปลามาเพิ่ม แล้วตอนนี้มีปูผัดผงกะหรี่ที่ลูกค้ายกเลิก พี่จะเอาม๊าย” เอ๊า เอาดิอย่าช้ายกมา แล้วก็สั่ง ใบเหรียงผัดไข่ หอยตลับต้มใบกระเพรา ปลากะพงทอดน้ำปลา หอยแครงลวก แต่ตัวโคตรใหญ่มากกกกก ถามว่าชอบมั๊ย ไม่ชอบครับ เพราะเนื้อมันเหนียวอ่ะ แข็งด้วย กินตัวขนาดพอดีอร่อยกว่า ร้านนี้เสริฟเร็วนะครับ รสชาติอร่อยครับ โดยเฉพาะ หอยตลับต้มใบกระเพรา ปลากะพงทอดน้ำปลา เขาไม่เหมือนที่อื่น คือ เขาทอดทั้งตัวไม่ผ่าแบะออก รวมเบ็ดเสร็จมือนี้หมดไปแค่ 1,500 บาท นับว่าคุ้มค่า อร่อยลิ้น จริงๆ

8044BE99-6370-4F6D-B800-579EE44A7F39

ปิดท้ายวันนี้ด้วย ถนนคนเดินกระบี่ มีของกิน ของฝาก เสื้อผ้า การละเล่น มีดนตรีให้ฟัง เล่นเพลงย้อนยุค โคตร มันส์เลย ฝรั่งนี่ยืนโยกกันเลยทีเดียว คนมาเดินกันเยอะมาก โดยเฉพาะ นทท. ทั้งฝรั่ง จีน ไทย ประมาณ 21.30 น. ก็เห็นเก็บร้านค้ากันแล้ว ก็ไม่ใหญ่มากนะครับ แต่ก็เดินเพลินดีครับ

996B096A-FEB0-4BC4-B96A-1851718AA721

Timeline เส้นทางเที่ยววันที่ 2

วันนี้มุ่งหน้าออกทะเลทั้งวัน โดยซื้อทัวร์เกาะห้องของบริษัท วังทราย โดยน้องที่เค้าเตอร์แนะนำว่า บริการดี ก็เบ็ดเสร็จตกคนละ 1,050 บาท + ค่าเข้าอุทยานอีกคนละ 60 บาท มีรถมารับส่งถึงที่พักเลย มีอาหารกลางวันด้วย ไปด้วยเรือสปีดโบ้ท รวดเร็ว

CCA33376-7551-448A-BB65-782D00C8083Dรถมารับตอนเวลา 7.00 น. เป็นรถสองแถว มีทั่งฝรั่ง จีน ไทย นั่งรวมมาด้วยกัน นั่งมาประมาณ น่าจะสิบกว่ากิโลเมตร ก็ถึงท่าเรือท่าทรายของบริษัททัวร์ มาถึงก็เดินเข้าไปลงทะเบียนตามทริปที่เราจอง แบ่งเป็น 4 ช่อง เสร็จแล้วมานั่งรอเรียกขึ้นเรือ ระหว่างนั่งมุมนึงก็มีอาหารเช้าให้กินมีพวก ซีเรียล ข้าวผัด น้ำ พร้อมก็กินอร่อยกันหิวไว้ก่อนถึงเที่ยงที่แวะกินกันบนเกาะห้องตามโปรแกรม นั่งสักพัก 9.30 น. เขาก็เรียกขึ้นเรือ มีการอธิบายเบื้องต้นทั้งภาษาไทย จีน อังกฤษ โปรมาก เรือเป็นเรือเร็วสปีดโบ้ท 2 เครื่องยนต์ นั่งไปเหมือนลอยบนผิวน้ำ เร็วมาก อ้อ อีกอย่างที่ท่าเรือ มีของให้เราเช่าด้วย เช่น ผ้าเช็ดตัว สน็อกเกิ้ล (พิมพ์ถูกหรือเปล่าไม่รู้) ต้องจ่ายเงินค้ำประกันของด้วยได้คืนตอนเอามาส่งคืน
AF8F05AF-DB03-4B9A-81CE-C9FD4C21BE9F

เริ่มจาก เกาะผักเบี้ย เป็นที่แรกเลย เป็นเกาะเล็กๆ มีหาดทรายเชื่อมเกาะเล็กๆ อีกเกาะ ฝรั่งนอนอาบแดดกันเต็มเลย คนไทย จีน นั่งหลบแดดใต้ร่มไม้ บางส่วนก็ลงไปเล่นน้ำ มีบริเวณกั้นไว้ให้ได้เล่นกัน สวยงาม คุ้มค่าที่มาถึง บนเกาะมีสร้างห้องน้ำไว้ด้วย 2 ห้อง สะดวกดีครับ มีเปลให้นั่งถ่ายรูปเท่ๆ บรรยากาศสุด ฟิน ชิล มากๆ แอบคิดถ้าคนน้อยจะ ฟินเฟ่อ!!!

8A4BCE82-1552-4176-A3C0-8358F46B7F0C

เกาะที่สอง นั่งสปีดโบ้ทมา ที่เกาะเหลาล่าดิง ตรงหาดที่นี่มีที่จอดเรือน้อย ต้องสลับกันเข้ามาจอด ลองคิดดูเล่นๆ มันจะมีความสุขขนาดไหน ถ้ามาในขณะที่คนน้อยๆ ชายหาดปราศจากผู้คน นทท. ให้เกะกะสายตา แค่คิดก็ฟินแล้ว บางทัวร์ก็กินข้าวที่นี่เลย เห็นมีการตั้งโต๊ะมีอาหารวางเพียบ เล่นน้ำเหนื่อยๆ ขึ้นมากินมีความสุขอย่าบอกใคร มีฝรั่งนุ่งน้อย ห่มนิด บิกินี่ตัวจิ๋ว แถมจีสตริงด้วย ก็ดูภาพเอานะครับ ผมนี่นอนดูเพลินไปเลย มองไปด้านหน้าเห็นหาดทราย ด้านหลังเป็นหน้าผา เดินหาโลเกชั่นดีๆ ได้ปุ๊บก็เอาผ้าเช็ดตัวมาปูรองนั่ง รองนอน รับลม บรรยากาศได้อารมย์

953E445A-344E-43FB-BF3E-EDE6BD7E52E9

4B7371B3-5E4E-4FC3-AECE-A60C6A33D997

และแล้วก็มาถึง เกาะห้อง อันสวยงามหาดทรายกว้างใหญ่ นทท. มหาศาล มีน้ำทะเลสีเขียวใสให้เล่น และเป็นจุดที่แวะพักกินมื้อเที่ยง อาหารเที่ยงนี้ก็เป็นสปาเกตตี กับข้าวไทยสองอย่าง น้ำผลไม้ น้ำหวานเติมพลังให้กินกันได้เต็มที่ เสร็จแล้วก็สามารถไปเล่นน้ำทะเลได้ต่อเลยมีเวลาให้ที่นี่ประมาณ 2 ชม. กว่าๆ ที่จะขึ้นเรือเดินทางกลับฝั่ง อีกประมาณ 1 ชม. นิดๆ หิว! กิน กิน กิน มื้อเที่ยงมื้อนี้ อร่อยมากครับ สงสัยจะหิว

C8A4C9AC-97FA-4B7E-9A74-7734FDB35EFD

มื้อค่ำวันนี้ขับรถย้อนมาอ่าวนางประมาณ 16 กม. จากตัวเมือง เพื่อมากินร้านที่เขาว่าดังที่นี่ คือ ร้านวังทราย มาได้ทันดูพระอาทิตย์ตกดิน สวยงามจับตามาก สั่งอาหารมากินก่อนดีกว่า เริ่มหิว ก็สั่ง….
– ปูดำผัดผงกะหรี่
– หอยชักตีน
– กุ้งแชบ๊วยอบเกลือ
– ข้าวผัดปูชามใหญ่
แกงส้มปลากะพงหม้อไฟ
– มะพร้าวน้ำหอม

ที่ชอบที่สุดยกให้ แกงส้มปลากะพงหม้อไฟ อร่อยสมเป็นแกงส้มของทางใต้ เผ็ด เปรี้ยว จัดจ้าน

ผิดหวัง คือ กุ้งแชบ๊วยอบเกลือ เพราะตัวมันเล็กไปหน่อย เนื้อไม่แน่น เหมือนไม่สด

ได้อยู่ คือที่เหลือรสชาติ กินได้กลางๆ

ถ้าให้เปรียบเทียบ ส่วนตัวผมชอบ ร้านปูดำเมื่อวานมากกว่าครับ

AD61AD0A-CBCE-42BB-B890-2A86A4255A53

ตอนค่ำกลับมาถนนคนเดินอีกครั้ง ผ่านร้านขายโรตี น่ากินเลยแวะกิน จำชื่อร้านไม่ได้ รู้แต่ว่ามีผู้คนนั่งกิน ยืนรอสั่งเยอะมา แสดงว่ามันต้องอร่อยแน่ ร้านจัดที่นั่งให้ได้ก็สั่งชาร้อน โรตีกรอบ โรตีนุ่ม มากินลองดู โอโห! อร่อยครับผม หวานมันสุดๆ ชาร้อนไม่หวานมาก ดีเหมือนกัน เพราะโรตีมันหวานทั้งนม น้ำตาล แป้งอยู่แล้ว สมใจ เพราะเขาบอกว่า มากระบี่ต้องมากินโรตี เชื่อผม ของเขาอร่อยจริง

954D8117-73B7-4EDB-90C0-B8E96806A050

Timeline เส้นทางเที่ยววันที่ 3 ก่อนบินกลับ กทม.

1691FDBF-9751-4EB9-A1CB-A443C8E2CCB7

76D1E731-AE0C-487F-AF8E-AF2057883617ก่อนกลับไปสนามบิน แวะไหว้พระ ถวายสังฆทาน ที่วัดถ้ำเสือ ให้กับเพื่อนสนิทที่เสียชีวิตอย่างกะทันหัน เป็นวัดที่ นทท. ที่มาเที่ยวกระบี่ต้องมาและเดินขึ้นบันได 1,273 ขั้นขึ้นไปชมวิวบนเขา แต่เที่ยวนี้ กระผมขอผ่าน เพราะเจ็บกล้ามเนื้อแฮมสตริง ขาซ้าย จากการแข่งฟุตบอล การเดินขึ้นจะทำให้กล้ามเนื้ออักเสบมากขึ้น เลยขอนั่งเล่นอยู่ด้านล่างดีกว่า มีลิงน้อยด้วย แต่นิสัยซน เสียมารยาทสุดๆ เผลอเป็นไม่ได้ ต้องระวังกระเป๋า สิ่งของให้ดี และแล้วก็ครบจบกระบวนความ ทิ้งท้ายด้วยการทำบุญ ไหว้พระเรียบร้อย ขับรถกลับไปสนามบินส่งคืนรถที่เช่ามาที่อาคาร 1 พอจอดก็โทรบอก AVIS ไม่นานก็มีคนออกมารับรถ เช็ครถ เสร็จก็คว้ากระเป๋าตัวปลิวไปรอขึ้นเครื่องอีกอาคาร
7B87F123-BD2A-4891-96BB-BD8689A29447

สรุปรวมเส้นทางท่องเที่ยวกระบี่ เป็นยังไงบ้างครับทริปกระบี่ 2 คืน 3 วัน ของผม ชีวิตคนเราก็ต้องมีการเดินทางท่องเที่ยว เพื่อเติมพลัง ชาร์จแบตให้กับตัวเองบ้างครับ แล้วพบกับทริปต่อไป ไม่นานเกินรอ

ลิงค์แนะนำ ลดน้ำหนักด้วยบอดี้คีย์ (BodyKey) จาก 77 เหลือ69

เป็นเพื่อนแชทพูดคุยกันได้ที่ Line id : chavanut

หรือถนัด Talk ก็นี่เลย! มือถือ : 080 966 6866

Take photo by iPhone X and VOLO Application

อยู่ในรถยนต์เสี่ยงตายกับมลพิษมากกว่าที่คุณคิด

ประเทศไทยได้รับเกียรติถูกจัดอันดับให้เป็นประเทศที่รถติดที่สุดในโลก (ขอเสียงปรบมือหน่อยครับ) กรุงเทพมหานครของไทย ถูกจัดอันดับให้เป็นเมืองที่รถติดมากที่สุดอันดับที่ 12 ของโลกในช่วงที่มีการจราจรคับคั่ง คนมากมายหลายคน เชื่อว่าการอยู่ในห้องโดยสารของรถยนต์ปลอดภัยจากมลภาวะทางอากาศเป็นพิษที่อยู่บนท้องถนน แต่ศาสตราจารย์ Sir. David King จากมูลนิธิศึกษาปอด ของอังกฤษ กล่าวว่า จากงานวิจัยหลายชิ้นซึ่งเก็บข้อมูลตั้งแต่ปี 2001 ชี้ว่า ผู้ที่อยู่ในรถยนต์บนท้องถนน ต้องสูดมลภาวะเป็นพิษมากกว่าผู้ที่เดินหรือขี่จักรยานอยู่บนท้องถนนเดียวกัน โดยเด็กเล็กเสี่ยงต่อการป่วยด้วยโรคทางเดินหายใจมากขึ้น ซึ่งนอกจากจะส่งผลเสียต่อสุขภาพปอดของเด็กแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อความสามารถในการเรียนรู้ของเด็กอีกด้วย

Processed with MOLDIV

ข้อมูลที่น่าสนใจ

     92%  ของคนทั่วโลกใช้ชีวิตท่ามกลางสภาวะอากาศที่อันตรายเกินค่ามาตรฐานความปลอดภัยขององค์การอนามัยโลก

     6.5 ล้านคน หรือ  11.6%  ของผู้เสียชีวิตทั่วโลกเสียชีวิตจากมลพิษทางอากาศทั้งในพื้นที่เปิด และพื้นที่ปิด

Processed with MOLDIV

     ห้องโดยสารภายในรถยนต์ที่เหมือนจะปลอดภัยนั้น ก็อันตรายไม่แพ้กัน เพราะ มีมลพิษสูงกว่าภายนอกรถถึง 15 เท่า!!***

     ผู้คนมักจะคิดว่า ในขณะที่ประตูและหน้าต่างทุกบานถูกปิดสนิทแล้วอยู่ภายในรถเราก็จะปลอดภัยจากมลภาวะ แต่ในความจริงก็ยังมีช่องว่างที่ฝุ่นละอองขนาดเล็กมาก และมลพิษต่างๆ เล็ดลอดเข้ามาได้ ช่องระบายอากาศที่ปล่อยให้อากาศจากด้านนอกเข้ามาก็เป็นอีกปัจจจัยสำคัญที่ก่อมลพิษให้เข้มข้นขึ้นจนเป็นอัตรายต่อสุขภาพได้

Processed with MOLDIV

ไม่เพียงแต่มลพิษจากภายนอกรถเท่านั้น สิ่งที่อยู่ในห้องโดยสารก็เป็นปัจจัยสำคัญเช่นกัน

  1. กรองแอร์รถยนต์ เป็นที่ชื้น มืด และไม่ปลอดโปร่ง ซึ่งเชื้อรา ไวรัส และแบคทีเรีย ชอบมาก เพราะสามารถแพร่พันธ์ุได้อย่างรวดเร็ว
  2. การตกแต่งภายในรถยนต์ จำพวกวัสดุต่างๆ เช่น หนังและพลาสติก กาว สีรถ ซึ่งสามารถปล่อยแก๊สฟอร์มาลดีไฮด์ได้ ที่เป็นอันตรายต่อทุกคนภายในรถได้
  3. พฤติกรรมคนใช้รถ คนขับรถและผู้ที่นั่งในรถคืออีกปัจจัยที่นำฝุ่นละอองเข้ามา เมื่อรวมกับกลิ่นสัตว์เลี้ยงและกลิ่นไม่พึงประสงค์อื่นๆ อย่าง อาหารที่นำมากิน น้ำหอมปรับอากาศ ตัวเคลือบหนังทำความสะอาด รวมไปกับฝุ่นละอองจากภายนอกรถ ก็ยิ่งเพิ่มระดับของมลพิษในห้องโดยสารขึ้นเป็น 2 หรือ 3 เท่า
ผลลัพธ์ ที่เกิดจากมลพิษทางอากาศภายในห้องโดยสารรถยนต์
มลพิษที่เข้าไปสะสมในส่วนต่างๆ ของร่างกายผ่านการหายใจทำให้เกิดโรคระบบทางเดินหายใจต่างๆ อย่างเช่น โรคหอบหืด โรคปอด และหลอดลมอักเสบเรื้อรัง  จนอาจพัฒนาขึ้นจนกลายเป็นโรคมะเร็งโพรงจมูกและมะเร็งปอด มลพิษบางชนิดยังค่อยๆ ลดออกซิเจนที่ส่งเข้าไปในอวัยวะและเนื้อเยื่อต่างๆ ของร่างกาย ลดการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจ ทำลายปอดและระบบประสาท ซึ่งมีผลต่อกระบวนการรับรู้และการพัฒนาสติปัญญาในเด็กเล็กๆ อีกด้วย

วิธีป้องกัน ไม่ให้เราต้องเผชิญมลพิษภายในรถยนต์จนส่งผลกระทบต่อสุขภาพ

  1. ควบคุมแหล่งกำเนิดมลพิษ ดักจัดการมลพิษทางอากาศมันตั้งแต่ต้นทางเลย โดยไอเสียจากรถยนต์เป็นแหล่งใหญ่สุดที่ทำให้เกิดมลพิษในเมือง ดังนั้น จึงควรจะควบคุมไอเสียให้ต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้ นั่นคือหลีกเลี่ยงการขับรถโดยไม่จำเป็น  บำรุงรักษารถให้เหมาะสม  เพื่อจะได้เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของรถไม่ให้ปล่อยมลพิษทางอากาศออกมามากเกินไป
  2. เพิ่มการถ่ายเทอากาศภายในรถ ด้วยการปล่อยให้อากาศข้างนอกเข้าในรถมากขึ้น โดยเปิดหน้าต่าง หรือเปิดเครื่องปรับอากาศ โดยเปิดช่องระบายลม หากจะใช้วิธีนี้ควรขับอยู่ นอกเมืองในวันที่อากาศเย็น ในที่ที่มีมลพิษในอากาศต่ำ ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นการเอามลพิษทางอากาศเข้ามาในรถมากขึ้นไปอีก
  3. ติดตั้งเครื่องกรองอากาศภายในรถยนต์ เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยปรับปรุงคุณภาพอากาศของห้องโดยสารในรถยนต์ได้ดี วิธีนี้อาจพูดให้เข้าใจได้ง่ายๆว่า “เมื่อหนี ไม่ได้ก็ต้องสู้กับมันนั่นเอง”  สะดวก ง่าย ปลอดภัย

Photo : pixabay.com

คลิกลิงค์ ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพภายในรถยนต์

ฝากช่วยกด Like กด Share ด้วย ขอบคุณครับผม

เป็นเพื่อนแชทพูดคุยกันได้ที่ Line id : chavanut

หรือถนัด Talk ก็นี่เลย! มือถือ : 080 966 6866

ลดน้ำหนักกินสารอาหารอย่างไร ให้น้ำหนักลดดั่งใจ

“กินอะไรดี กินอะไรดี” เรามักจะได้ยินบ่อย ๆ ตอนมื้อที่เราจะกินข้าว แล้วก็จะมีคำตอบออกมาว่า “ไม่รู้เหมือนกัน กินอะไรก็ได้ กิน ๆ ไปเหอะให้มันอิ่มก็พอ” ผมล่ะเป็นบ่อย แบบว่าพอเที่ยงทีไร มันมึนงง ไม่รู้จะกินอะไร ก็เลยกินส่งเดช อย่างที่เกริ่นไว้ข้างต้นนั่นแหละ ผลเหรอครับ อ้วนดิครับผม กินแบบไม่คิดอะไร ไม่คิดว่ามันจะมีผลอะไรกับรูปร่าง สุขภาพของเรา ทีนี้เรามาดูกันดีกว่าว่า คนลดน้ำหนักต้องกินยังไง น้ำหนักถึงจะลดได้อย่างที่ตั้งใจ

Processed with MOLDIV

อัตราส่วนของสารอาหารที่เรากินในแต่ละมื้อ เป็นสิ่งสำคัญที่ชี้ว่าเราจะลดน้ำหนักได้ตามที่ต้องการหรือไม่ เพราะอัตราส่วนของสารอาหารสำหรับคนแต่ละประเภท แต่ละกลุ่มจะไม่เท่ากัน คือ

  1. คาร์บสูง เหมาะสำหรับคนที่ต้องการบิ้วบอดี้ คนที่กิจกรรมมาก เป็นนักกีฬา ต้องการเพิ่มน้ำหนัก ตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร เพราะคนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ใช้พลังงานสูง จึงต้องการพลังงานจากคาร์โบไฮเดรตสูง แบบว่ากินเข้าไปเยอะ แต่ก็ใช้หมด ปัญหาเรื่องน้ำหนักเกินไม่เกิด แบบว่ากินไป 2,000 แคลอรี่ ใช้ไป 2,000 แคลอรี่ ก็ไม่มีเหลือเก็บเป็นไขมันสะสมตามตัว แต่ถ้าไม่ได้เป็นคนในกลุ่มนี้ แล้วกินแบบนี้ รับรองน้ำหนักเพิ่มพรวดแน่นอน ไม่เหมาะกับคนที่กำลังลดน้ำหนัก
  2. คาร์บปานกลาง เหมาะสำหรับคนที่ต้องการคงน้ำหนักตัว คนที่ต้องการรักษาสุขภาพทั่วไป คนที่ต้องการรักษาน้ำหนัก คนที่มีคอเลสเตอรอลสูง หรือเป็นไฮเปอร์ไธรอยด์ กินแบบกลาง ๆ สมดุลเพื่อคงน้ำหนักตัวไว้
  3. คาร์บต่ำ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนัก ที่อ้วนส่วนใหญ่ก็เพราะกินคาร์โบไฮเดรตเยอะ พลังงานก็เยอะ โดยพลังงานจากแป้งที่เหลือจากการใช้ในชีวิตประจำวัน จะเปลี่ยนเป็นไขมันเก็บสะสมได้ง่ายที่สุด เพราะฉนั้นคนที่เข้าโปรแกรมลดน้ำหนัก ถึงต้องลดคาร์โบไฮเดรตให้ต่ำ เพิ่มโปรตีนให้มาก เพื่อรักษามวลกล้ามเนื้อ และเพิ่มอัตราการเผาผลาญให้สูงขึ้น ทำให้น้ำหนักของเราจะค่อย ๆ ลดลง ระบบการเผาผลาญดีขึ้น ยังรวมถึงคนเป็นเบาหวาน คนมีปัญหาเรื่องระบบทางเดินอาหารด้วย ที่ต้องการคาร์บต่ำ

food-platter-2175326_1920

รู้แบบนี้แล้ว ก็ยังมีปัญหาอีกนะครับ คือ ตอนปฏิบัติมันช่างยากแสนยากในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะชีวิตคนเมือง ทำงานประจำ เวลาน้อย จะมานั่งกิน เท่านั้น เท่านี้ แค่คิดก็ยากแล้ว แถมต้องรีบกินด้วย ต้องทำงานต่อ เฮ้อ! เปงลมดีก่า เรามาเน้นกันเฉพาะคนที่ลดน้ำหนักว่า จะมีวิธีกินอย่างไรให้ง่ายที่สุดในชีวิตประจำวัน ลองวิธีนี้ดูที่ผมใช้ประจำ

  1. ลดข้าวลงครึ่งนึง เอามันง่าย ๆ แบบนี้แหละ เพราะคนไทยกินข้าวเป็นอาหารหลัก และกรุณาลดหรือแบ่งก่อนที่จะลงมือกินนะครับ
  2. สั่งกับข้าวเน้นโปรตีนที่เป็นโปรตีนจากปลาเป็นอันดับแรก ถ้าไม่มีก็หมู และไล่ไปเนื้อวัวหลังสุด โปรตีนจากปลาย่อยง่ายที่สุด ของแถมน้อยสุด
  3. ไขมันไม่ต้องไปสนใจที่จะเพิ่ม เพราะมันมีอยู่ในอาหารที่เขาทำหรือปรุงขายอยู่พอสมควรแล้ว ไม่ขาดแน่ ๆ อาจจะมากเกินไปด้วยซ้ำ ควรระวังว่าจะเกินดีกว่า ระวังอาหารผัด หรือทอดให้มาก ๆ เข้าไว้

ต่อให้ทำอย่างที่ผมบอกก็ไม่ง่ายในบางครั้งนะครับ เพราะเราไม่ได้ทำอาหารกินเอง ไม่มีเวลา เลยต้องมาซื้อกิน ชีวิตคนส่วนใหญ่ก็เป็นแบบนี้ เราเลยอาจต้องพึ่งพิงอาหารเสริมบ้างครับ เพื่อ

  1. เสริมโปรตีน เพื่อให้ร่างกายของเราได้สารอาหารโปรตีนที่เพียงพอ ปกติเราควรได้รับโปรตีน 1 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กก. ต่อวัน ไม่น่าเชื่อว่าคนไทยโดยส่วนใหญ่ขาดโปรตีน เพราะอะไรเหรอครับ ลองคิดดู สมมุติผมหนัก 69 กก. แสดงว่าผมต้องการโปรตีน 69 กรัม ผมต้องกินเนื้อไก่ 250 กรัม ถ้าเป็นโปรตีนจากไข่ไก่เบอร์ใหญ่สุดก็ต้องกิน 12 ใบ กินยังไงไหว หรือถ้าเป็นโปรตีนจากเนื้อปลาก็ต้องกินถึง 310 กรัม คิดดูสั่งกะเพราไก่มาจานนึงคิดว่าไก่กี่ชิ้น คิดยังไงก็ไม่พอเพียงครับ การเสริมจึงเป็นทางเลือกสำหรับคนในยุคปัจจุบัน แถมโปรตีนยังช่วยรักษามวลกล้ามเนื้อ และเพิ่มอัตราการเผาผลาญของเราให้สูงขึ้นด้วย
  2. ใช้ตัวช่วยลดการดูดซึมแป้ง และน้ำตาล ด้วยเหตุผลว่าคนไทยกินข้าวเป็นหลัก เหมือนเขาว่ากินอะไรก็ไม่อิ่มเหมือนกินข้าว แถมเดี๋ยวนี้กินข้าวเสร็จต้องตบท้ายด้วย น้ำชง หวานอร่อยชื่นใจอีกสักแก้ว สดชื่น แคลอรี่เต็ม ๆ ไขมันเพิ่ม น้ำหนักเกิน 555555 อย่างง่ายดาย เราสามารถกินเพื่อระบายความอยาก อัดอั้น แต่แคลอรี่เข้าร่างกายน้อยลงได้มั๊ย ? ขอบอกว่าได้ครับ ด้วยการกินตัวบล็อกแป้ง น้ำตาล แต่ก็แลกมาด้วยการต้องจ่ายเงินเพิ่มซื้อตัวบล็อกแป้ง น้ำตาลมากิน แต่ถ้าใครสามารถควบคุม มีวินัยไม่กินแป้ง น้ำตาลได้ก็ไม่ต้องเสียตังค์ครับ อันนี้ก็คิดพินิจ พิจจารณาดูนะครับ ตามความเหมาะสมของเราเอง
  3. ช่วยให้อิ่มด้วย ตัวทดแทนมื้ออาหาร ที่ให้สารอาหารครบถ้วน ให้พลังงานต่ำ โดยเฉพาะกลุ่มวิตามิน และกลุ่มเกลือแร่ที่จำเป็น ใยอาหาร (ไฟเบอร์) ส่งผลให้เราสามารถควบคุมแคลอรี่ได้แม่นยำ ทำให้น้ำหนักลดลงได้ง่ายขึ้น สะดวก ที่สำคัญระบบการเผาผลาญไม่เสียหายจากการที่สารอาหารไม่ครบด้วย

ทั้งนี้  ทั้งนั้น การเข้าโปรแกรมลดน้ำหนักให้สำเร็จได้ผลที่ต้องการแล้ว วินัย คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้เราทำได้สำเร็จครับ แล้ววินัยคืออะไร ในความหมายของผมนะ วินัย คือ การลงมือทำ อย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่สำเร็จ ไม่เลิก เอาให้มันรู้กันไปว่า ตรูก็แน่จริง เอ็งไม่มีวันชนะข้าหรอก คุณไขมัน ฮ่า ฮ่า ฮ่า จงออกไป จงออกไป จงออกป๊าย!!!

ลิงค์แนะนำ ลดน้ำหนักด้วยบอดี้คีย์ (BodyKey) จาก 77 เหลือ69

ฝากช่วยกด Like กด Share ด้วย ขอบคุณครับผม

เป็นเพื่อนแชทพูดคุยกันได้ที่ Line id : chavanut

หรือถนัด Talk ก็นี่เลย! มือถือ : 080 966 6866

5 เป้าหมายที่ควรตั้งปีใหม่นี้ เพราะมันดีต่อชีวิตของคุณจริง ๆ

ช่วงปีใหม่เป็นช่วงที่มีความสุขของทุกคน เพราะรู้สึกว่า ชีวิตกำลังเริ่มต้นใหม่ นับหนึ่งใหม่ แม้มันจะเป็นการนับครั้งที่เท่าไหร่จำไม่ได้ ไม่อยากจำ อิอิ!! หุหุ!! ตามอายุที่เกิดมาบนโลกอันสวยงาม สนุกสนานใบนี้ คนที่มีเป้าหมายเท่านั้นที่จะได้อย่างที่ใจต้องการ มันเหมือนกับแผนที่เดินทางที่กำลังบอกเราว่า เราจะเดินทางไปที่ไหน เพื่ออะไร แต่คนส่วนใหญ่ก็ไม่รู้ว่า จะตั้งเป้าหมายอะไรดี ผมเคยถามเพื่อนว่า ปีใหม่แล้วมีเป้าหมายจะทำอะไรบ้างในปีหน้า เพื่อนตอบมาเบา ๆ ว่า “ไม่รู้ ยังไม่ได้คิด ไม่เคยตั้งเป้าหมาย เพราะไม่รู้ว่าจะตั้งเป้าหมายอะไรดี” ฟังแล้ว เหมือนปลาตายลอยตามน้ำ ยังไงไม่รู้

ผมเริ่มต้นวางเป้าหมายให้ตัวเองมานานหลายปีแล้ว ซึ่งมันทำให้ชีวิตของเราดีขึ้น มีทิศทางมากขึ้น แม้มันจะไม่ได้เข้าเป้าครบทุกเป้าหมาย แต่วางไว้ 5 เข้าเป้า 3 ชีวิตก็เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นแล้วครับ ความภาคภูมิใจ ความเชื่อมั่นในตัวเองมันพลุ่งพล่านเพิ่มขึ้นตลอด เป้าหมายใหม่ ๆ ก็เพิ่มเติมเข้ามาในสมองตลอด จนมันกลายเป็นส่วนหนึ่งของเรา เดี๋ยวนี่ไม่ว่าจะทำอะไร ก็มีเป้าหมายตลอด ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ เหมือนกัปตันแจ็ค สแปร์โรว์ ที่มีเป้าหมายตามหาเรือ Black Pearl สนุก ตื่นเต้น ระทึกใจตลอดเส้นทางเชียว แล้วเราควรตั้งเป้าหมายอะไรดี ผมขอเสนอ 5 เป้าหมาย ที่ควรตั้ง และช่วงเวลาที่ดี เพราะกะลังจะใกล้ปีใหม่ ก็ต้องทำอะไรใหม่ เริ่มสิ่งใหม่ ๆ ให้กับชีวิตตัวเองได้แล้วครับ มันถึงเวลาแล้ว มาดูกันว่ามีเป้าหมายอะไรบ้าง

money-2696229_1920

  1. เป้าหมายการเก็บเงิน  ยุคนี้มีเงินออมไว้มันก็ อุ่นใจ จะเอาไปทำอะไรก็ได้ เช่น เอาไปลงทุนซื้อ LTF, ออมเก็บไว้กินดอกเบี้ย, เปลี่ยนมือถือใหม่ เป็นต้น กำหนดให้ชัดไปเลยว่าจำนวนเท่าไหร่ เก็บจนถึงเมื่อไหร่ ตัวอย่าง จะเก็บเงินไว้ลงทุน LTF จำนวน 60,000 บาท มีเวลา 12 เดือน ก็เอา 60,000/12 เท่ากับเก็บ 5,000 บาทต่อเดือน บางคนไม่เคยมีเงินฝากในบัญชีเลยตลอดชีวิตที่เกิดมา ลองตั้งเป้าหมายที่จะเก็บเงินและออมไว้ในบัญชีดูครับ อาจจะไม่ต้องมากมายเกินกำลัง เริ่มต้นจากน้อย ๆ ก่อนแล้วค่อย ๆ เพิ่ม แล้วคุณจะอุ่นใจ สุขใจ ชื่นใจ อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เมื่อทำได้ครบ คุณจะรู้ว่า เราก็ทำได้ ง่ายนิดเดียว เพราะแค่คิดตั้งเป้าหมายก็สำเร็จไปกว่าครึ่งแล้ว ที่เหลือก็แค่ ทำ ทำ ทำ ตามแผนที่วางไว้welcome-905562_1920
  2. เป้าหมายการเรียนภาษา ยุคนี้ใครได้ภาษาก็ได้เปรียบในยุคโลกไร้พรมแดน มันมีแต้มต่อคนที่ไม่ได้ภาษาเลย ภาษาที่คนส่วนใหญ่ใช้ในโลกนีก็ เช่น ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ภาษาญี่ปุ่น เป็นต้น ทีนี้การที่จะทำให้เป้าหมายนี้สำเร็จก็มีหลายวิธี เช่น เรียนด้วยตัวเอง จ้างครูมาสอน ไปลงเรียนตามสถาบันต่าง ๆ ก็เลือกตามที่เราถนัดได้เลย กำหนดไปเลยครับว่า ภายในปี 2561 เราต้อง พูด อ่าน เขียน ได้ดีระดับไหน และเป้าหมายในการฝึก คือเราจะฝึกภาษาวันละกี่ชั่วโมง อาทิตย์ละกี่วัน จัดไปเลย มันขึ้นกับว่าเราโฟกัสใช้เวลาส่วนใหญ่ของเรากับการฝึกมากน้อยแค่ไหน ถ้ามากก็สำเร็จเร็วขึ้น ถ้าน้อยก็นานหน่อย แค่นั้นเอง เลือกเอาว่า อยากเป็นเร็วหรือช้าlose-weight-1968909_1920
  3. เป้าหมายการลดน้ำหนัก นี่เป็นเป้าหมายยอดฮิตของสาว ๆ เลย หนุ่ม ๆ ก็เยอะเหมือนกัน แต่มักจะถูกยกเลิกหลังจากผ่านปีใหม่ไป ไม่นาน 5555555 เพราะอะไรนะเหรอ ก็การลดน้ำหนักมันเป็นการเอาชนะใจตัวเองล้วน ๆ เอาชนะนิสัยที่ไม่ดี ที่เราทำมานานหลาย ๆ ปีติดต่อกัน ขอบอกว่า ยากระดับ 5 ดาวมิชลินเลย แต่ก็เพราะมันยากระดับ 5 ดาวมิชลินนี่แหละดี มันเหมาะกับคนจริงแบบเรา ถ้ามันง่าย ๆ มันไม่ก็ท้าทายตัวเองดิ “มันยาก แต่เป็นไปได้ด้วย วินัย ในตัวเราเอง” ลองคิดดู เมื่อเราลดน้ำหนักได้ สุขภาพของเราจะดีขึ้นขนาดไหน รูปร่างก็ดีขึ้น คล่องตัวขึ้น หนุ่ม ๆ มองเหลียวหลังเชียว (จากที่ไม่เคยชายตามอง เป็นทีของเรา เล่นตัวซะให้หัวปั่นเลย 55555 หลอกให้อยาก แล้วจากไป) เริ่มจากกำหนดไปเลยว่าจะลดเหลือน้ำหนักเท่าไหร่ เพื่ออะไร ? ได้แล้วก็หาข้อมูลวิธีการลดน้ำหนักที่ปลอดภัย ลงมือทำอย่างมีวินัย มุ่งมั่น ขยัน อดทนteddy-bear-2855982_1920
  4. เป้าหมายการอ่านหนังสือ หลายคนอาจจะไม่ชอบอ่านหนังสือมากนัก แบบว่าจับหนังสือทีไร ง่วงตลอด ผมก็เป็นเหมือนกัน ตอนเรียนก็ไม่ค่อยจะอ่าน จบมาทำงานยิ่งแล้วใหญ่ ก็เรียนจบแล้วจะอ่านทำไม แต่จะบอกว่า “ไม่เคยมีคนที่ประสบความสำเร็จคนไหน ไม่เป็นนักอ่านตัวยง” คิดได้ดังนั้นก็เริ่มตั้งเป้าหมายที่จะอ่านหนังสือ โดยเราไม่จำเป็นต้องหักโหมอ่าน เริ่มจากน้อย ๆ ค่อย ๆ เพิ่ม สม่ำเสมอทุกวัน กำหนดไปเลยครับ เดือนนี้จะอ่านกี่เล่มดี อ่านทุกวัน วันละกี่หน้า กี่นาที เน้น! หนังสือที่เราอ่านแล้วได้พัฒนาตัวเอง เพิ่มความรู้ สติปัญญา เบื่อ ๆ ก็สลับมาอ่านนิยายที่ชอบบ้างก็ได้ แล้วค่อยกลับไปอ่านใหม่ครับ เดี๋ยวนี้นะครับ วันไหนไม่ได้อ่านหนังสือ นอนไม่หลับ เหมือนมันติดค้างอะไรสักอย่าง คาใจ คือว่า มันกลายเป็นนิสัยถาวรของผมไปโดยปริยาย และเป็นนิสัยที่ดีซะด้วย ใครพูดเรื่องอะไร คุยได้เกือบทุกเรื่องส่วนใหญ่ กลายเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของเราไปIMG_1765
  5. เป้าหมายการท่องเที่ยว พูดถึงเป้าหมายนี้ ส่วนใหญ่โดนใจ คนส่วนใหญ่ชอบท่องเที่ยวเป็นทุนอยู่แล้ว เที่ยวแล้วไม่อยากกลับมาทำงานเลย 55555 ผมเป็นบ่อยไปเที่ยวแล้ว พอวันสุดท้ายจะกลับ ใจหายทุกที นี่เราต้องกลับไปทำงานแล้วเหรอ เฮ้อ! แต่ก็ต้องกลับ เพราะถ้าไม่กลับไปทำงานก็ไม่มีตังค์มาเที่ยวอีก สิ่งที่ได้จากการท่องเที่ยว คือ ความสุข เป็นการเติมพลังงานชีวิตให้กับตัวเอง ได้มุมมองใหม่ในโลกกว้าง ได้ความคิดใหม่ ๆ ได้สัมผัสกับเพื่อนใหม่ ได้ไปลองภาษาอังกฤษที่พยายามฝึกมา เพิ่มทักษะชีวิตในการอยู่ต่างแดน ฯลฯ การที่จะไปเที่ยวไม่ว่าจะเป็นในประเทศ ต่างประเทศ กำหนดไว้เลยครับว่าจะไปเที่ยวที่ไหน เมื่อไหร่ เช่น เดือนเมษายน จะไปเที่ยวโอซาก้า หาข้อมูล วางแผนเลย ใช้เงินเท่าไหร่ ไปกี่วัน เที่ยวที่ไหนบ้าง วางแผนล่วงหน้าสัก 4-6 เดือน ผมแนะนำนะครับ หาซื้อหนังสือไกด์ท่องเที่ยวของที่ที่เราจะไปมาอ่าน พกติดตัวไปด้วยเลย สะดวกดีครับ ข้อมูลครบครัน

การมีเป้าหมาย ก็เปรียบเหมือนเรามีแผนที่ขุมทรัพย์ ทำให้เรารู้ว่า เราจะไปไหน ไปถึงแล้วได้อะไร เขาถึงบอกว่า “ชีวิตมีเป้าหมาย เหมือนแซลมอนว่ายทวนน้ำ เพื่อวางไข่ แต่ชีวิตที่ไร้เป้าหมายก็เหมือนแซลมอนตาย ลอยตามน้ำ” (อันนี้คิดเอาเอง 55555) ลองมากำหนดเป้าหมายรับปีใหม่ดูครับ แรก ๆ อาจจะติด ๆ ขัด ๆ ค่อย ๆ ทำ ค่อย ๆ ปรับ บ่อย ๆ เราก็จะเก่งขึ้นครับ ไม่มีใครวางเป้าหมายเก่งตั้งแต่เริ่มต้น ทำดูแล้วจะรู้ว่า ชีวิตของเราจะดีขึ้น อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เป้าหมายอาจจะไม่เหมือน 5 อย่างที่ผมบอกมาก็ได้ แต่ขอให้ตั้งเป้าหมายเถอะครับ ชีวิตของเราจะดีขึ้นตามเป้าหมายที่เราวางไว้ แน่นอน ผมรับรอง

ลิงค์แนะนำ ลดน้ำหนักด้วยบอดี้คีย์ (BodyKey) จาก 77 เหลือ69

เป็นเพื่อนแชทพูดคุยกันได้ที่ Line id : chavanut

หรือถนัด Talk ก็นี่เลย! มือถือ : 080 966 6866

4 หลักคิดพิชิตการออกกำลังกาย ให้ฟิตแอนด์เฟิร์ม

ส่วนหนึ่งของการมีสุขภาพ และรูปร่างที่ดี คือต้องออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ มะช่าย ปะเดี๋ยว ปะด๋าว เห่อ คึกเป็นพัก ๆ ตอนพักก็พักซะยาวนานเลย แต่ถ้ากินละก็ขอกินนาน ๆ หึหึ!!! แล้วถ้าอยากออกกำลังกายเพื่อลดความอ้วน เพื่อสร้างความแข็งแรง หรือเพื่อเล่นกีฬาให้ดีขึ้น มันต้องคิดยังไง วางแผนแบบไหนดี เพื่อให้เราออกกำลังได้อย่างสม่ำเสมอจนเป็นนิสัยของเราไปเลย มาดูกันกับ 4 หลักคิดพิชิตการออกกำลังกาย ตามนี้เลยครับ

  1. บ่อยแค่ไหน ถามใจเธอดู ความบ่อยของการออกกำลังกายที่เหมาะสมสำหรับคนที่ไม่เคยออกกำลังกายมาก่อน หรือนาน ๆ นานมาก ถึงได้ออกกำลังกาย ควรเริ่มจากบ่อยน้อยไปหาบ่อยมากก่อนดีที่สุด มิเช่นนั้นอาจจะบาดเจ็บกล้ามเนื้อได้ อย่าหักโหมครับ พอดีกับตัวเองดีที่สุด แนะนำเลย ออกกำลังกายวันเว้นวันหรือสัปดาห์ละประมาณ 3 วัน เนื่องจากกล้ามเนื้อจะใช้เวลา ในการฟื้นฟูร่างกายให้กลับสู่สภาพพร้อมออกกำลังกายอีกครั้งต้องใช้เวลา 48 ชั่วโมง แต่ในคนที่มีการออกกำลังกายบ่อยเป็นประจำอยู่แล้ว เราสามารถเพิ่มวันได้แต่ไม่ควรเกิน 6 วันต่อสัปดาห์ เพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นฟูอย่างน้อย 1 วัน หรือ 24 ชั่วโมง
    1. บ่อยแค่ไหน กับการออกกำลังกาย

    1. บ่อยแค่ไหน กับการออกกำลังกาย (เครดิตภาพ https://pixabay.com)

     

  2. หนักแค่ไหน  ความหนักในการออกกำลังกาย ขึ้นอยู่กับเป้าหมายของการออกกำลังกาย เช่น ออกกำลังกายเพื่อลดความอ้วน จะต้องควบคุมอัตราการเต้นของหัวใจให้อยู่ในช่วง 60-70% ของอัตราการเต้นสูงสุด เพราะช่วงนี้จะมีอัตราการใช้พลังงานจากไขมันสูงที่สุด จึงเหมาะกับคนที่ต้องการลดน้ำหนักที่สุด แต่ถ้าเราต้องการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพให้อยู่ในช่วง 50-60% เป็นต้น  แล้วอัตราการเต้นสูงสุดมาจากไหน มีวิธีคิดแบบนี้ครับ ง่าย ๆ คืออัตราการเต้นของหัวใจสูงสุดของแต่ละคนจะเท่ากับ  220 – อายุเช่น เรามีอายุ 49 ปี เราจะมีอัตราการเต้นของหัวใจสูงสุดเท่ากับ  220 – 49  =  171 ครั้งต่อนาทีหรือ น้องลำไย อายุ 18 ปี ลำไยจะมีอัตราการเต้นของหัวใจสูงสุดเท่ากับ  220 – 8  =  202 ครั้งต่อนาทีจะเห็นได้ว่าอัตราการเต้นของหัวใจนั้น ยิ่งเรามีอายุที่มากขึ้นหัวใจก็จะทำงานได้ช้าลง และถ้าหากหัวใจของเราเต้นเกือบถึงอัตราสูงสุดหรือเทียบเท่า ก็มีโอกาสที่จะไปเฝ้ายมบาลได้เนื่องจากหัวใจจะทำงานหนัก เพื่อบีบเลือดไปหล่อเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่ายกายไม่ทันและทำให้เราเกิดอาการช็อคได้ครับผม
    2.

    2. หนักแค่ไหน ถึงโอเค (เครดิตภาพ https://pixabay.com)

     

  3. นานแค่ไหน  การที่เราจะออกกำลังกายนานแค่ไหนนั้น จะต้องสอดคล้องกับความหนักในข้อ 2 ด้วยครับ โดยให้ยึดหลักดังนี้ หากมีความหนักมากก็จะใช้เวลานานน้อยลง แต่ถ้ามีความหนักน้อยก็จะใช้เวลานานมากขึ้น โดยปกติแล้วการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพโดยรวมทั่วไป ควรอยู่ที่ 20-30 นาทีต่อครั้งเป็นอย่างน้อย มากกว่านี้ก็ได้นะครับ ไม่ผิดกติกาใด ๆ
    3.

    3. นานแค่ไหน ถึงจะดี (เครดิตภาพ https://pixabay.com)

     

  4. เลือกไรดี การออกกำลังกายมีมากมาย เช่น ว่ายน้ำ วิ่ง เดิน ปั่นจักรยาน ยกน้ำหนัก เป็นต้น เอาที่ชอบ เอาที่ถนัด ทำให้เราวางแผนการออกกำลังกายได้ง่ายและไม่เบื่อ ซึ่งชนิดของการออกกำลังกายแต่ละอย่างจะมีความหนักแตกต่างกัน อย่างการวิ่งอยู่ที่การคุมอัตราการเต้นของหัวใจ ในขณะที่ความหนักของการเล่นเวทเทรนนิ่งจะอยู่ที่น้ำหนักที่ใช้และจำนวนครั้ง ถ้าเราต้องการออกกำลังเพื่อลดน้ำหนัก เราควรออกกำลังกายผสมกันระหว่างแบบที่เน้นการเผาผลาญ เช่น วิ่ง ปั่นจักรยาน เต้นแอโรบิก และแบบเพิ่มสร้างกล้ามเนื้อ เช่น เวทเทรนนิ่ง บอดี้เวท เป็นต้น เหตุผลก็เพราะว่า แบบเน้นการเผาผลาญจะเผาผลาญพลังงาน และดึงเอาไขมันของเราออกมาใช้งานให้หมดไป แต่มันจะเผาผลาญตอนที่เราออกกำลังเท่านั้น ส่วนแบบเพิ่มกล้ามเนื้อ จะทำให้มวลกล้ามเนื้อของร่างกายของเราเพิ่มขึ้น ส่งผลให้อัตราการเผาผลาญเพิ่มมากขึ้น ค่า BMR เพิ่มมากขึ้น วันไหนไม่ได้ออกกำลังกายอัตราการเผาผลาญก็ยังสูงอยู่ดีทำให้เราอ้วนยากครับผม
    4.

    4. เลือกไรดีล่ะ (เครดิตภาพ https://pixabay.com)

    หลังจากที่เราตัดสินใจที่จะออกกำลังกายกันแล้ว เราควรที่จะวางแผนการออกกำลังกายก่อน โดยใช้ 4 หลักคิดพิชิตการออกกำลังกาย ให้ฟิตแอนด์เฟิร์ม สิ่งที่สำคัญที่จะทำให้การออกกำลังกายของเราสัมฤทธิ์ผล คือ มีวินัย ในการทำตามแผนการที่เราวางแผนไว้ แค่นี้รูปร่างฟิตแอนด์เฟิร์มก็เป็นของเราทุกคน

ลิงค์แนะนำ : 3 ท่า 5 นาที สร้างกล้ามเนื้อ เพิ่มเผาผลาญให้หุ่นดีเว่อร์! ปัง!!!

เป็นเพื่อนแชทพูดคุยกันได้ที่ Line id : chavanut

หรือถนัด Talk ก็นี่เลย! มือถือ : 080 966 6866

5 เหตุผลที่ทำให้ การลดน้ำหนักล้มเหลว ไม่เป็นท่า!

แต่น แตน แต๊น !!! อยากทราบมั๊ยคร้าบว่า ทำไมหลายคนถึงลดน้ำหนักแล้ว ล้มเหลวไม่เป็นท่า เสียเงินก็ตั้งเยอะ เป็นแบบนี้ก็เซ็งห่านสิครับ มากกว่าเซ็งเป็ด อิอิ!! วันนี้ผมมีคำตอบมาบอกเพื่อน ๆ ทุกคนว่า “มันเป็นพันนี้ได้ พันพรือหล่าว เจ็บหัวเหม็ด” แปลเป็นสำเนียงกลาง “มันเป็นอย่างนี้ได้ยังไง ปวดหัวเลย” อ่านแล้วจะได้รู้ และหายปวดศีรษะแน่นอน เชิญสดับอ่าน 5 เหตุผลที่ทำให้ การลดน้ำหนักล้มเหลว ไม่เป็นท่า!

  1. ไม่วางแผนล่วงหน้า  การไม่วางแผนล่วงหน้าหรือไม่มีการจัดการกับแผนควบคุมน้ำหนักของเราเป็นสาเหตุของความล้มเหลว การมีแผนหมายความว่าเรารู้ว่าจะออกกำลังกายเมื่อไร จะเปลี่ยนแปลงการดำเนินชีวิตอย่างไร และจะต้องระวังอย่างไรในอาหารที่เรารับประทาน เพราะการลดน้ำหนักด้วยการควบคุมนับแคลอรี่ เราต้องรู้ว่า แคลอรี่ที่กำหนดเท่าไหร่ในแต่ละวัน  จากประสบการณ์ของผมพบว่า ถ้าผมไม่วางแผนก่อนล่วงหน้าว่าพรุ่งนี้ไปทำงาน ผมจะกินอะไร เช้า เที่ยง เย็น แคลอรี่มักจะเกินที่กำหนดทุกทีไป ส่งผลให้น้ำหนักไม่ลดลง นิ่ง นี่คือการกินรับแคลอรี่เข้าไป ส่วนการใช้แคลอรี่ก็ต้องวางแผนเป็นสัปดาห์ดีที่สุด คือต้องวางแผนว่า จะออกกำลังกายอะไร แบบไหน วันไหนบ้าง หรือวันนี้จะเดินขึ้น ลง บันได้แทนลิฟท์ เราจะเดินให้ครบ 10,000 ก้าว เป็นต้น บางคนบอกว่า ยุ่งยากจัง ผมจะบอกว่าที่มันยุ่งยากต้องมาลดน้ำหนักกัน ก็เพราะที่ผ่านมาเราทำตัวง่ายกันเกินไป กินง่าย อยากกินก็กิน อร่อยก็กินเยอะ ง่าย ๆ ไม่เคยเลือกอาหารที่กิน อะไรฉันก็กินได้ อยู่ง่ายไม่ขยับตัว นั่งตรงไหนก็อยู่ตรงนั้น เอาความสะดวกง่ายเข้าว่า เหมือนดี แต่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ รูปร่างที่เคยสวยงาม กลายเป็น ตุ่ม ถัง ไห กะละมัง ถังเบียร์ ตามแต่เพื่อนจะตั้งมาให้เจ็บกระดองจายเล่น ๆ ฮือ ฮือ !!!!
    ไม่วางแผนล่วงหน้า

    1. ไม่วางแผนล่วงหน้า ก็วางแผนล่วงหน้าซะ (เครดิตภาพ https://pixabay.com)

     

  2. ไม่ได้วางแผนอย่างเหมาะสม  โปรแกรมการควบคุมน้ำหนักที่เหมาะสมไม่เพียงแต่ทำให้มั่นใจได้ว่าเรามาถูกทาง และอยู่ในการควบคุมเท่านั้น แต่ยังช่วยกระตุ้นและให้กำลังใจเราอีกด้วย การลดน้ำหนักไม่ใช่แค่สูตรสำเร็จเดียวที่ได้ผลสำหรับทุกคน เพราะรูปแบบการดำเนินชีวิตของแต่ละคนไม่เหมือนกัน การลดน้ำหนักไม่ใช่แค่เพียงแคลอรี่ที่เรากิน และใช้ ยังมีเรื่องของอาหารต่าง ๆ ที่เรากิน รวมกับรูปแบบการดำเนินชีวิตในด้านต่าง ๆ อีก 6 ด้านที่สำคัญอย่างยิ่งต่อการลดน้ำหนัก ได้แก่ ประเภทอาหาร  กิจกรรม  ทัศนคติ  ความเครียด  การนอน  และนิสัยการกินอาหาร จากประสบการณ์ของผมพบว่า  ยกตัวอย่างเรื่อง การนอน  แค่ผมนอนดึก นอนน้อยไม่ครบ 7-9 ชม. เช้ามาวัดด้วยสายรัดข้อมือ อินบอดี้ย์  ผลมวลไขมันเพิ่มเฉยเลย แม่จ้าว! มวลกล้ามเนื้อลดลง นั่นหมายความว่า อัตราการเผาผลาญของผมลดลงด้วย ไม่เชื่อลองดู! ถ้าเราไม่รู้ว่าจะต้องวางแผนอย่างไรให้เหมาะสม เราต้องหาผู้รู้ ที่ให้คำแนะนำเราได้คอยเป็นโค้ชให้กับเราระหว่างที่เราเข้าโปรแกรมลดน้ำหนัก
    ไม่ได้วางแผนอย่างเหมาะสม

    2. ไม่ได้วางแผนอย่างเหมาะสม ก็วางแผนให้เหมาะสมซะสิ! (เครดิตภาพ https://pixabay.com)

     

  3. ขาดความมุ่งมั่น  เราต้องมีความมุ่งมั่นทุ่มเทต่อเหตุผลในการลดน้ำหนักของเรา คำแก้ตัวมีแต่จะทำให้เราถอยหลัง จากประสบการณ์ของผมพบว่า ถ้าเราขาดความมุ่งมั่น ขาดเหตุผลที่เพียงพอในการลดน้ำหนัก เราก็ล้มเลิกง่าย ๆ เช่นกัน และผลลัพธ์ลดน้ำหนักไม่ได้ เสียเงินไปฟรี ๆ เสียความเชื่อมั่นในตัวเองไป โอกาสที่จะกลับมาลดน้ำหนักอีกครั้งจะยาก เพราะมันฝังใจกับความล้มเหลวครั้งนั้นไปแล้ว มันต้องชัดเจนในเหตุผลที่เราจะลดน้ำหนัก ให้คิดดูว่า “ทำไมเราต้องลดน้ำหนัก ?” บางคนอาจจะต้องการลดน้ำหนัก เพราะกำลังจะแต่งงาน อยากใส่ชุดเจ้าสาวสวย ๆ ให้เจ้าบ่าวภูมิใจในวันชื่นคืนสุขของเรา บางคนอาจจะต้องการลดน้ำหนัก เพราะต้องการสุขภาพที่ดีขึ้น จะได้อยู่กับลูก ๆ ที่ยังเล็กอยู่ อยากเห็นเขาเติบโต เห็นเขาประสบความสำเร็จในชีวิต ลองคิดให้ตัวเองดูนะครับ เอาแบบว่า คิดขึ้นมาทีไร ใจพองโต กำลังใจเพิ่มขึ้น ชนิดเอาช้างมาฉุดก็ไม่อยู่ แว้ว!!!! เหตุผลเหล่านี้แหละที่จะทำให้เรามีความมุ่งมั่นที่จะก้าวผ่านไปให้ได้ ยังน้ำหนักเป้าหมายที่เราหมายปอง
    ขาดความมุ่งมั่น

    3. ขาดความมุ่งมั่น ก็เพิ่มความมุ่งมั่นให้มันมากขึ้น (เครดิตภาพ https://pixabay.com)

     

  4. ขาดความอดทน  การไปถึงน้ำหนักเป้าหมายของเราต้องใช้เวลา อย่ายอมแพ้ถ้าเราไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนในช่วงแรก ปฏิบัติตามโปรแกรมต่อไปแล้วเราจะเห็นความแตกต่างในไม่ช้า จากประสบการณ์ของผมพบว่า การลดน้ำหนักต้องอาศัยความอดทน คือทั้งอด ทั้งทน นานมากพอสมควรในการปฏิบัติตามให้ครบโปรแกรม แต่มีเคล็ดลับที่จะทำให้เรามีความอดทนได้ต่อเนื่องครบโปรแกรม คือ ต้องปฏิบัติตามโปรแกรมแบบมีวินัยเข้มข้นให้ได้ใน 2 สัปดาห์แรก เพราะอะไรนะเหรอครับ ก็เพราะว่า 2 สัปดาห์แรกจะเป็นช่วงที่น้ำหนักลดลงเร็ว เมื่อน้ำหนักลดลงก็ทำให้เรามีกำลังใจที่จะปฏิบัติตามโปรแกรมลดน้ำหนักให้สำเร็จ แต่ในทางกลับกันถ้าใน 2 สัปดาห์แรกน้ำหนักของเราไม่ลด หรือลดนิดเดียว คิดดูแล้วกันครับ กำลังใจหาย ความอดทนก็ลดต่ำลงแบบรวดเร็ว บวกกับเริ่มเสียดายเงินที่ลงทุนไป พาลเลิกเอาดื้อ ๆ ก็ตอนนี้ละครับผม
    ขาดความอดทน

    4. ขาดความอดทน ก็เพิ่มความอดทนให้มากขึ้น (เครดิตภาพ https://pixabay.com)

     

  5. เฝ้าหาแต่ทางลัด  หลายคนตกเป็นเหยื่อของโปรแกรมควบคุมน้ำหนักที่นำเสนอผลลัพธ์ที่รวดเร็วโดยไม่ต้องใช้ความพยายาม วิธีการเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นเพียงแค่ลูกเล่นทางการตลาด เมื่อทำไปแล้วไม่เห็นผล ก็จะทำให้เราล้มเลิก การลดน้ำหนักไม่มีทางลัดครับ มีแต่การเดินตามขั้นตอน เหมือนเดินวนขึ้นบันได ขั้นแล้ว ขั้นเล่า ก้าวแล้ว ก้าวเล่า อย่ากระโดด อาจจะพลาดพลั้งขาหัก เท้าแพลงได้ จากประสบการณ์ของผมพบว่า คนส่วนใหญ่เมื่อต้องการลดน้ำหนักก็จะสรรหาวิธีการลดที่ต้องการลดเร็ว ๆ ลดเยอะ ๆ ค้นหาในเน็ตก็พบแต่คำว่า ลด 20 กก. ภายใน 1 เดือน  ลดได้โดยแค่กินวันละเม็ด โดยไม่ต้องออกกำลัง ไม่ต้องควบคุมอาหาร สารพัดคำที่อ่านแล้ว หัวใจพองโต กับทางลัด แต่ไม่ได้ผล ก็ลองวิธีใหม่ไปเรื่อย ๆ แต่ไม่เคยเจอทางลัด เพราะมันไม่มีครับ
    เฝ้าหาแต่ทางลัด

    5. เฝ้าหาแต่ทางลัด ก็แค่เลิกหาทางลัด ซึ่งมันไม่มี แล้วเดินตามทางที่ถูกต้อง (เครดิตภาพ https://pixabay.com)

     

เป็นอย่างไรครับ รู้หรือยังว่าที่เราล้มเหลว เพราะเหตุผลข้อไหนกัน ผมจะบอกวิธีแก้ง่าย ๆ ก็แค่ “ทำตรงข้ามทั้ง 5 ข้อ” ง๊าย ง่าย ใช่ไหมเอ่ย ? ถ้าไม่รู้ว่าทำตรงข้ามทำยังไง ? ไลน์มาคุยกันได้ที่ Line id : chavanut หรือ Mobile : 080 966 6866 ด้วยความยินดีครับ หึ หึ หุ หุ 55555

เอกสารอ้างอิง : คู่มือฝึกอบรมบอดี้คีย์ ปลดล็อกสู่คุณคนใหม่

 

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง ลดน้ำหนักด้วยบอดี้คีย์ (BodyKey) จาก 77 เหลือ69

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง 12 เคล็ดไม่ลับ ของการลดน้ำหนัก

เป็นเพื่อนแชทพูดคุยกันได้ที่ Line id : chavanut

หรือถนัด Talk ก็นี่เลย! มือถือ : 080 966 6866

12 เคล็ดลับลดน้ำหนักให้ได้ผล

การที่เราอ้วน หรือน้ำหนักเพิ่มขึ้นสาเหตุหนึ่งก็เพราะพฤกติกรรมที่ไม่ดี ที่ทำสะสมมาวันแล้ววันเล่า เพราะด้วยเหตุนี้ การลดน้ำหนักก็คือ การค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนพฤกติกรรมให้กลับไปมีพฤกติกรรมที่ดีนั่นเอง ดูเหมือนไม่ยาก 55555 แต่ตอนทำ โคตรยากเลย แต่มันเป็นไปได้ ค่อย ๆ ทำ ค่อย ๆ ปรับเปลี่ยน ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ เรามาดูเคล็ดไม่ลับกันว่า 12 ข้อนั้นมีอะไรบ้าง

12 เคล็ดไม่ลับ ของการลดน้ำหนัก

12 เคล็ดไม่ลับ ของการลดน้ำหนักให้ได้ผล

  1. ตั้งเป้าหมายสำหรับตัวคุณเองเป็นสิ่งแรกที่คุณต้องทำ และอย่าลืมว่าการลดน้ำหนักต้องทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป การตั้งเป้าหมายนั้น ควรกำหนดเป็นระยะสั้นๆ เพื่อให้เรามีกำลังใจในการประสบความสำเร็จเป็นระยะๆ
  2. ลองถ่ายรูปตัวคุณเอง ก่อนเริ่มลดน้ำหนักแล้วตั้งใจทำตามที่คิดไว้ รับรองว่าคุณจะได้เห็นผลแตกต่างที่น่าพอใจอย่างแน่นอน
  3. พยายามหากิจกรรมอื่นที่คุณสนใจมาทำ เพื่อจะได้ไม่ต้องคิดถึงเรื่องอาหารมากจนเกินไป
  4. ตักอาหารไว้ในจานแต่พออิ่ม และไม่รับประทานเพิ่มอีก การรับประทานอาหารร่วมกันกับกลุ่มเพื่อนหรือครอบครัว อาจทำให้คุณไม่สามารถกำหนดปริมาณอาหารของคุณได้
  5. อย่ากังวลกับเป้าหมายที่ตั้งไว้มากเกินไปจนเครียด การลดน้ำหนักต้องใช้เวลาเสมอ
  6. อย่าทำกิจกรรมอื่น เช่น ดูโทรทัศน์ เล่นเกมคอมพิวเตอร์ ร่วมกับการรับประทานอาหาร เพราะคุณจะรับประทานอาหารเพลินอย่างไม่รู้ตัว
  7. รับประทานตามมื้อ อย่ารับประทานจุบจิบตามใจตัวเอง
  8. เคี้ยวอาหารช้าๆ ให้ละเอียด คุณจะใส่ใจกับสิ่งที่รับประทานเข้าไปมากขึ้น
  9. อย่าคิดอดอาหารมื้อใด เพราะมื้อต่อไปคุณจะรับประทานมากกว่าที่ควร
  10. อย่าซื้ออาหารเวลาที่คุณหิวเป็นอันขาด เพราะคุณจะซื้อมากเกินกว่าที่คุณจะรับประทานได้หมด
  11. หาเหตุผลในการลดน้ำหนักให้กับตัวเองและระลึกไว้เสมอว่า นี่เป็นวิธีการให้กำลังใจที่ดีวิธีหนึ่ง เผื่อเวลาที่คุณกำลังจะหมดความอดทนกับอาหารที่อยู่ตรงหน้า
  12. ข้อสุดท้ายที่สำคัญไม่แพ้กัน คือควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเผาผลาญแคลอรี่ในร่างกาย

อ้างอิง : เอกสารการลดน้ำหนักของบริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด

 

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง :  ลดน้ำหนักด้วยบอดี้คีย์ (BodyKey) จาก 77 เหลือ69

เป็นเพื่อนแชทพูดคุยกันได้ที่ Line id : chavanut

หรือถนัด Talk ก็นี่เลย! มือถือ : 080 966 6866

7 คำถาม 7 คำตอบ กับการลดน้ำหนัก

คุณมีคำถามเกี่ยวกับการลดน้ำหนัก แต่ไม่รู้จะถามใคร ที่นี่ผมมีคำถาม คำตอบ ที่ผู้ปราถนาจะหุ่นดีต้องรู้ หากคิดที่จะเข้าโปรแกรมลดน้ำหนัก ไม่พูดพร่ำ ทำเพลงเริ่มเลยดีกว่าครับผม

gengibre-para-emagrecer farmacia flor de lis multidrogas orlandia

คำถามที่ 1 โปรแกรมลดน้ำหนัก เป็นอย่างไร ?

คำตอบ โปรแกรมลดน้ำหนักเป็นจุดเริ่มต้นในการปฏิวัติความอ้วนที่ดี เพียงเราปฏิบัติตามโปรแกรมอย่างมีวินัยก็จะทำให้เราเรียนรู้การปรับพฤกติกรรมที่นำไปสู่การลดน้ำหนักอย่างยั่งยืนต่อไป อย่างไรก็ตาม การลดน้ำหนักอย่างยั่งยืนต้องอาศัยเวลา แรงใจ เพื่อปรับพฤกติกรรมในการกิน และต้องออกกำลังกายสม่ำเสมอ การลดน้ำหนักอย่างมีสุขภาพดีควรลดประมาณสัปดาห์ละ 0.5 – 1.0 กิโลกรัม รวมถึงการได้รับสารอาหารที่จำเป็นอย่างครบถ้วน เรียกว่า ลดแต่พลังงาน ไม่ลดสารอาหารนั่นเอง

คำถามที่ 2 ควบคุมปริมาณอาหารอย่างเคร่งครัดแล้ว ยังจำเป็นต้องออกกำลังกายอีกหรือไม่ ?

คำตอบ หลักการลดน้ำหนักอย่างปลอดภัยและต่อเนื่อง ต้องอาศัยการควบคุมอาหารร่วมกับการออกกำลังกายแบบแอโรบิก และแบบเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ เพื่อช่วยเพิ่มการเผาผลาญในร่างกาย โดยทั่วไปเมื่อลดน้ำหนักมาสักระยะหนึ่ง ร่างกายจะปรับระบบการเผาผลาญให้ต่ำลง หากไม่ออกกำลังกายจะทำให้น้ำหนักคงที่เร็ว ไม่สามารถลดน้ำหนักลงไปได้อีก หรือในบางคนหากเผลอกินมากขึ้นจะทำให้เกิดโยโย่ เอ็ฟเฟ็คท์ได้ง่าย

คำถามที่ 3 ในการลดน้ำหนักควรเสริมสารอาหารอะไรบ้างเพื่อให้ร่างกายไม่โทรม ?

คำตอบ ในการลดน้ำหนักควรลดปริมาณอาหาร แต่ยังต้องได้รับวิตามิน เกลือแร่รวม และไฟโตนิวเทรียนท์ รวมถึงโปรตีนคุณภาพอย่างครบถ้วนจะทำให้การลดน้ำหนักเป็นไปอย่างยั่งยืนและมีสุขภาพดี

คำถามที่ 4 การใช้สารอาหารตัวช่วย ทำให้การทำตามโปรแกรมประสบความสำเร็จได้อย่างไร ?

คำตอบ การใช้สารอาหารตัวช่วยร่วมกับการควบคุมอาหารและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงแรกของการปรับพฤกติกรรมเพื่อลดน้ำหนัก จะช่วยให้การทำตามโปรแกรมง่ายขึ้น ไม่ยุ่งยาก เช่น การใช้ผลิตภัณฑ์ทดแทนมื้ออาหารจะช่วยให้สามารถควบคุมพลังงานได้ง่ายขึ้นและได้รับสารอาหารครบถ้วน สารสกัดจากถั่วขาวและถั่วเหลืองหมักช่วยยับยั้งการดูดซึมแป้งและน้ำตาล จึงช่วยลดพลังงานในกรณีที่กินคาร์โบไฮเดรตเกินความจำเป็น รวมถึงสารสกัดซีแอลเอจากน้ำมันดอกคำฝอยที่ช่วยเพิ่มการเผาผลาญและเสริมสร้างกล้ามเนื้อ  ตัวสารสกัดจากชาเขียวเพื่อเพิ่มการเผาผลาญและช่วยลดพุง ลดรอบเอว ทำให้รูปร่างสมส่วนได้ดังใจ

คำถามที่ 5 หากต้องไปสังสรรค์กับเพื่อนฝูงในระหว่างโปรแกรม ควรทำอย่างไร ?

คำตอบ กรณีนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้เสมอระหว่างโปรแกรม ในช่วงแรกของการปรับพฤกติกรรมให้พยายามหลีกเลี่ยงการสังสรรค์หรือสิ่งเร้าต่างๆ ให้ได้มากที่สุด แต่หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ให้พยายามควบคุมปริมาณอาหารและเลือกชนิดอาหารที่ให้พลังงานต่ำและออกกำลังกายเพิ่มมากขึ้นเพื่อเผาผลาญส่วนที่กินเกินจากโปรแกรม หรือใช้สารสกัดจากถั่วขาวและถั่วเหลืองหมักช่วยยับยั้งการดูดซึมแป้งและน้ำตาล เช่น หากเผลอดื่มกาแฟเย็น 1 แก้ว ก็ควรว่ายน้ำ 1 ชั่วโมงเป็นการชดเชย หรือใช้สารสกัดจากถั่วขาวและถั่วเหลืองหมักช่วยยับยั้งการดูดซึมแป้งและน้ำตาล บล้อกไว้ก่อนกิน เป็นต้น

คำถามที่ 6 เหตุใดต้องจดบันทึกรายการอาหาร ?

คำตอบ การจดอาหารที่เรากินทุกอย่าง ทำให้เรามีสติรู้ตลอดทั้งวันว่าเรากินอาหารชนิดใดบ้าง ปริมาณมากน้อยแค่ไหน ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถปรับเมนูและปริมาณการกินอาหาร หรือลดการกินอาหารที่ให้พลังงานสูงได้ ซึ่งส่งผลให้ลดน้ำหนักได้เป็นอย่างดี การจดบันทึกอาหารจำเป็นมากสำหรับผู้ที่ต้องการปรับพฤกติกรรมเพื่อลดน้ำหนักอย่างยั่งยืน

คำถามที่ 7 หากลองทำตามโปรแกรมแล้วน้ำหนักไม่ลด ควรทำอย่างไร ?

คำตอบ ลองนำบันทึกรายการอาหารมาตรวจสอบดูว่าได้ทำตามมื้ออาหารหรือไม่อย่างไร (นี่คือเหตุผลว่า ทำไมเราต้องจดบันทึกรายการอาหารอย่างสม่ำเสมอ) มีส่วนใดที่ยังทำผิดพลาดหรือสามารถปรับปรุงให้ดีขึ้น อาจให้เพื่อน หรือโค้ชคนที่ทำสำเร็จช่วยตรวจสอบหรือให้คำปรึกษา และควรเพิ่มการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อเผาผลาญพลังงานด้วย

อ้างอิง : เอกสารการลดน้ำหนักของบริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง :  ลดน้ำหนักด้วยบอดี้คีย์ (BodyKey) จาก 77 เหลือ69

เป็นเพื่อนแชทพูดคุยกันได้ที่ Line id : chavanut

หรือถนัด Talk ก็นี่เลย! มือถือ : 080 966 6866

ข้อคิดจากซีรี่ย์ซุนวู ตำนานพิชัยสงคราม

การดูซีรี่ย์นอกจากความบันเทิงแล้ว สิ่งที่ได้อีกอย่างคือ ข้อคิด คำคม ที่อยู่ในตัวซีรี่ย์ ผมชอบดูซีรี่ย์ เมื่อก่อนก็ดูผ่าน ๆ แต่ผมสังเกตุเห็นว่าในซีรี่ย์มักมีข้อคิด คำคม ซ่อนอยู่ถ้าไม่สนใจก็ไม่อาจเห็นได้ คำหนึ่งคำ หรือประโยคหนึ่งประโยค มันสามารถเปลี่ยนความคิดของเราได้ โดยไม่ต้องพูดให้ยาว เยิ่นเย้อ! เอามาใช้ประโยชน์กับชีวิตของเราได้ง่าย ๆ ช่วงหลังพอดูซีรี่ย์หรือหนังแล้ว ผมมักจะหยิบปากกา ดินสอ มาขีดเขียนคำคมที่มันสะดุดใจของผม ไม่ว่าตัวเอก นางเอก ผู้ร้ายพูดมา ถ้าโดนนะ “จดมันลงกระดาษเลย เพราะถ้าจำไม่หมด จดดีกว่าจำ” แล้วก็ได้มาแชร์ให้เพื่อน ๆ ได้อ่านกัน

ซุนอู-3

ข้อคิดดี ๆ จากซีรี่ย์ ซุนวู ตำนานพิชัยสงคราม

“ไม่รู้เขา ไม่รู้เรา จะต้องแพ้ทุกครั้ง” 

“ไม่รู้เขา รู้เพียงแต่เรา ชนะเพียงครึ่งเดียว”

“รู้เขา รู้เรา ไม่มีวันแพ้”

“เหยี่ยวตัวนึง ต้องการกินช้างทั้งตัว โดยกินทีละคำ” 

“เลือกคนให้ถูกกับงาน อ่านคนเป็น”

“บอกความสำคัญของงานที่มอบหมายให้ทำ”

“โอกาสเหมือนสายฟ้า ที่มาเพียง แว่บเดียว!!”

“เราใจกว้าง คนมีความสามารถจะมาหาเราเอง”

“แม่ทัพเข้มแข็ง ประเทศเข้มแข็ง แม่ทัพอ่อนแอ ประเทศอ่อนแอ”

“ใจคนมีความโลภ ก็เหมือน เลี้ยงเสือไว้ในอกและเมื่อเราเปิดมัน มันก็จะออกมาไม่เพียงทำร้ายคนอีกแต่ยังทำร้ายตัวเองด้วย”

“คลี่คลายความแค้นในอกออกไป ถึงจะอยู่อย่างมีความสุข มีความหมาย”

“ความเมตตาก็เหมือนต้นไม้จะค่อยๆ เติบโต เติบโต จนเหมือนต้นไม้ใหญ่มันจะช่วยขจัดความแค้นในใจได้”

“หากต้องมีการรบ การทำให้ศัตรูยอมแพ้นั่นคือ สุดยอด การใช้ทหารโจมตีเป็นแผนชั้นต่ำ หลักการทหารต้องรอบคอบ และหลีกเลี่ยง”

ซุนอู-6

เป็นอย่างไรบ้างครับ อ่านแล้ว มันประโยคเดียวเข้าใจชัดเลย จนผมไม่ต้องอธิบายหรือสาธยายเพิ่มเติมเลย เดี๋ยวโอกาสหน้า คอยติดตามนะครับว่า ผมจะเอาคำคมจากซีรี่ย์หรือหนัง เรื่องอะไรมาแชร์กันครับ

เป็นเพื่อนแชทพูดคุยกันได้ที่ Line id : chavanut

หรือถนัด Talk ก็นี่เลย! มือถือ : 080 966 6866