8 วิธีสร้างแรงจูงใจให้ตัวเองเริ่มต้น

การเริ่มต้นด้วยแรงจูงใจที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ เพราะการเรื่มต้นที่ดีสามารถสร้างแรงผลักดันให้คงอยู่ไปอีกยาวนาน ถ้าคุณเริ่มต้นถูกต้องแล้ว โอกาสที่คุณจะประสบกับความสำเร็จก็จะยิ่งมีมากขึ้น ต่อไปนี้คือเคล็ดลับในการเริ่มต้น

  1. เริ่มต้นทีละน้อย นี่คือเคล็ดลับสำคัญที่สุด! อย่าเริ่มต้นด้วยเป้าหมายที่ใหญ่โต!!! แต่ให้เริ่มต้นด้วยเป้าหมายเล็ก ๆ ที่ง่ายดาย
  2. เป้าหมายหนึ่งเดียว การเริ่มต้นด้วยเป้าหมายมากมาย และพยายามทำหลายสิ่งหลายอย่างพร้อมกัน เป็นการสูบพลังและบั่นทอนแรงจูงใจ คุณต้องเลือกเป้าหมายหนึ่งเดียว และจดจ่อกับมันให้เต็มที่
  3. ตรวจสอบแรงจูงใจ ทำความเข้าใจเหตุผลของคุณเอง ใช้เวลาไตร่ตรอง แล้วเขียนมันออกมา การทำเพื่อคนที่รักจะเป็นแรงจูงใจทรงพลังกว่าการทำเพื่อตัวเอง แต่ถ้าจะทำเพื่อตัวเอง คุณต้องรู้ว่าคุณทำสิ่งนั้นเพราะอะไร และต้องเป็นเหตุผลที่ดีด้วย
  4. ต้องการอย่างสุดหัวใจ สิ่งที่คุณต้องการ ต้องเป็นสิ่งที่คุณหลงใหล ตื่นเต้นสุดขีดและโหยหาสุดหัวใจ
  5. ประกาศให้คนอื่นได้รับรู้ เราจะพยายามมากกว่าปกติ เพื่อทำให้สิ่งที่เราประกาศไว้กลายเป็นจริง
  6. รู้สึกตื่นเต้น ความตื่นเต้นเกิดขึ้นจากการได้รับแรงบันดาลใจจากคนอื่น ซึ่งคุณควรนำความรู้สึกตื่นเต้นดังกล่าวมาต่อยอด นึกภาพว่าเป็นอย่างไรถ้าสำเร็จ จินตนาการให้เห็นถึงประโยชน์ของเป้าหมายดังกล่าว
  7. สร้างความคาดหวัง เคล็ดลับนี้อาจฟังยาก และมองข้ามไป แต่มันใช้ได้ผลจริง ๆ เมื่อคุณค้นพบแรงบันดาลใจและต้องการไปให้ถึงจุดหมาย อย่าเริ่มต้นทันที! ขอให้กำหนดวันล่วงหน้า อาจเป็นหนึ่งหรือสองสัปดาห์ แม้อาจเป็นเดือนหน้า นั่นเท่ากับเป็นการสร้างความคาดหวัง มันจะทำให้คุณจดจ่อกับเป้าหมายมากขึ้นและมีพลัง
  8. พิมพ์เป้าหมายออกมาแปะไว้ พิมพ์เป้าหมายตัวโต ๆ ใส่กระดาษ (ใช้ถ้อยคำสั้นและกระชับ) แล้วแปะทิ้งไว้ที่บ้าน ที่ทำงาน บนผนังหรือตู้เย็น ตู้เสื้อผ้า หน้าจอคอมพิวเตอร์ ใช้รูปภาพที่สื่อถึงเป้าหมาย เป็นตัวกระตุ้นเตือน ก็ช่วยได้

ข้อมูลบางส่วนจากหนังสือ : ทำน้อยให้ได้มาก

เขียนโดย : Leo Babuata

สำนักพิมพ์ : WE LEARN

เป็นเพื่อนแชทพูดคุยกันได้ที่ Line id : chavanut

หรือถนัด Talk ก็นี่เลย! มือถือ : 080 966 6866

หากคุณคือคนธรรมดา คุณสำเร็จได้เพราะสิ่งนี้

ทอมัส เอดิสัน
บิดาแห่งนักประดิษฐ์ ทอมัส เอดิสัน (Thomas Edison) ผู้ให้กำเนิดหลอดไฟที่มอบแสงสว่างให้กับโลกคนนี้ เคยถูกครูด่าว่า “โง่และสอนไม่ได้!!!”  เคยถูกไล่ออกจากงานจนนับครั้งไม่ถ้วน แต่เขากลับไม่เคยยอมแพ้และล้มเลิกความคิดในการประดิษฐ์สิ่งต่างๆ จนมีผลงานที่จดสิทธิบัตรมากกว่า 1,000 ชิ้น ซึ่งวลีเด็ดที่เขาคือ “ความสำเร็จในชีวิตของเขานั้นมาจากความพยายาม 99 % และแรงบันดาลใจ 1 %” หากปราศจากเป้าหมายที่ชัดเจน ก็คงไม่มีความพยายามมากมายขนาดนั้น จนประสบความสำเร็จ

เอลวิส เพรสลีย์
หากมีคนมาสบประมาทคุณและพูดว่า  “คุณควรจะกลับไปขับรถบรรทุกมากกว่า”  เป็นคุณ คุณคิดอย่างไร อาจจะเชื่อตามนั้น แต่ไม่ใช่กับชายที่ชื่อเอลวิส เพรสลีย์ (Elvis Presley) ที่ทำให้เขาต้องรู้สึกว่าเขาต้องล้มเลิกความฝันหรือเป้าหมายในชีวิตไป โดยหัวหน้าวง Smith ได้พูดกับเขาเช่นนั้น ขณะที่เขาไปสมัครเป็นนักร้องนำของวงดังกล่าว เพราะเห็นว่าเขาไม่สมควรจะเป็นนักร้อง แต่ควรมีอาชีพเป็นคนขับรถบรรทุกเช่นเดิม แต่นั่นไม่ได้ลดความพยายามที่จะบรรลุเป้าหมายของราชาเพลงร็อกแอนด์โรลคนนี้ได้เลย เพราะเขายังคงมุ่งมั่นแสดงพรสวรรค์ทางการร้องเพลงอย่างต่อเนื่อง จนประสบความสำเร็จ และกลายเป็นราชาร้อคแอนด์โรลล์ของแฟนเพลงทั่วโลก

สตีฟ จ็อบส์
คุณเชื่อหรือไม่ ? สุดท้ายเขาก็สร้างความสำเร็จให้ตนเองได้ภาคภูมิใจ เพียงเพราะความมุ่งมั่นไม่ย่อท้อ มีเป้าหมายที่ชัดเจนของชายที่ชื่อ “สตีฟ จ็อบส์”​ (Steve Jobs) แม้ว่าวันนี้ โลกทั้งโลกจะยกย่องแนวคิดของเขาว่าเป็นที่สุดแห่งจุดกำเนิดของนวัตกรรม แต่เมื่อครั้งที่เขาก่อตั้งบริษัทขึ้นเป็นครั้งแรกก็กลับถูกผู้บริหารของบริษัทตนเองไล่ออก! เพราะความขัดแย้งเรื่องทิศทางธุรกิจ แต่แน่นอนว่าในวัย 30 ปี กลับทำให้เขารู้สึกว่าการว่างงานคือ ความอิสระ จึงได้เปิดบริษัทใหม่อีกครั้งในชื่อ NeXT ซึ่งหลังจากนั้นก็ถูก Apple ซื้อไปเป็นรากฐานของ OSX ของแอปเปิล จากนั้นเขายังได้เปิดบริษัท Pixar เพื่อสร้างสรรค์การ์ตูนแอนิเมชั่น 3 มิติ ชื่อดังอย่าง Toy Story , Monster Inc, Finding Nemo และถูกซื้อไปอยู่ภายใต้ Walt Disney ในเวลาต่อมา ก่อนที่โชคชะตาจะพลิกผัน และทำให้เขาได้กลับไปยัง Apple อีกครั้ง จนกระทั่งได้สร้างสรรค์สินค้าที่เปลี่ยนแปลงโลกอย่าง iPod, iPhone และ iPad

ฮาร์วาร์ดมหาลัยที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆ ของโลก ได้มีการทำวิจัยชิ้นหนึ่งที่มีชื่อเสียงมาก โดยผู้ตอบแบบสำรวจเป็นคนที่มีสติปัญญา การศึกษา และพื้นฐานการดำเนินชีวิตที่ไม่แตกต่างกัน พบว่า

27 % เป็นคนที่ไม่มีเป้าหมายในชีวิต

60 % เป็นคนที่มีเป้าหมายในชีวิตไม่ชัดเจน

10 % เป็นคนที่มีเป้าหมายระยะสั้น ๆ ที่ชัดเจน

3 % เป็นคนที่มีเป้าหมายระยะยาวชัดเจน

โดยได้ติดตามอีกเป็นเวลา 20 ปี แล้วพบว่าคนกลุ่มนี้มีชีวิตดังนี้

27 % ที่ไม่มีเป้าหมายในชีวิต พบว่าพวกเขาอยู่ในสังคมระดับล่างสุด และมักผิดหวังในชีวิต มักตกงานโดยต้องรับความช่วยเหลือทางการเงินจากสังคม ชอบบ่นว่าผู้อื่น และบ่น บ่น บ่น กับทุกสิ่งบนโลกใบนี้

60 % ที่มีเป้าหมายในชีวิตไม่ชัดเจน พบว่าพวกเขาอยู่ในสังคมระดับกลางและล่าง และได้งานที่มั่นคง แต่ว่าไม่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานมากเท่าที่ควร

10 % ที่มีเป้าหมายระยะสั้น ๆ ที่ชัดเจน พบว่าพวกเขาบรรลุเป้าหมายระยะสั้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้กลายเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เช่น หมอ ทนายความ วิศวกร ผู้บริการระดับสูง เป็นต้น

3 % ที่มีเป้าหมายระยะยาวชัดเจน พบว่าพวกเขาทุ่มเทความพยายามไปในทิศทางเดียวเท่านั้น ทำให้กลายเป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในสังคม

ผลวิจัยนี้ทำให้พวกเรารู้ว่า “หากคุณไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน ก็มิอาจประสบความสำเร็จในชีวิตได้” 

จริง ๆ แล้ว คนที่ประสบความสำเร็จจำนวนมากนั้น ไม่ใช่คนที่มีความสามารถและสติปัญญาโดดเด่นกว่าคนอื่น ตรงข้ามพวกเขาเป็นเพียงคนธรรมดา ๆ อาจเรียนได้อันดับท้ายๆ ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะ “คนธรรมดา ๆ เหล่านั้นมีความแน่วแน่กับเป้าหมายตนเอง  พวกเขาทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย และที่สุดก็ถึงจุดหมายปลายทางที่วางไว้ “ แต่สำหรับคนที่ฉลาดและเต็มเปี่ยมด้วยความสามารถกลับสนใจเสียทุกอย่างและไร้ซึ่งจุดหมาย ทำให้ที่สุดจึงไม่ประสบความสำเร็จแม้แต่อย่างเดียว ดังนั้น จึงอาจกล่าวได้ว่า “เป้าหมายชีวิตมีผลต่อความสำเร็จของคนธรรมดา ๆ”

ฝากช่วยกด Like กด Share ด้วย ขอบคุณครับผม

เป็นเพื่อนแชทพูดคุยกันได้ที่ Line id : chavanut

หรือถนัด Talk ก็นี่เลย! มือถือ : 080 966 6866