หากคุณคือคนธรรมดา คุณสำเร็จได้เพราะสิ่งนี้

ทอมัส เอดิสัน
บิดาแห่งนักประดิษฐ์ ทอมัส เอดิสัน (Thomas Edison) ผู้ให้กำเนิดหลอดไฟที่มอบแสงสว่างให้กับโลกคนนี้ เคยถูกครูด่าว่า “โง่และสอนไม่ได้!!!”  เคยถูกไล่ออกจากงานจนนับครั้งไม่ถ้วน แต่เขากลับไม่เคยยอมแพ้และล้มเลิกความคิดในการประดิษฐ์สิ่งต่างๆ จนมีผลงานที่จดสิทธิบัตรมากกว่า 1,000 ชิ้น ซึ่งวลีเด็ดที่เขาคือ “ความสำเร็จในชีวิตของเขานั้นมาจากความพยายาม 99 % และแรงบันดาลใจ 1 %” หากปราศจากเป้าหมายที่ชัดเจน ก็คงไม่มีความพยายามมากมายขนาดนั้น จนประสบความสำเร็จ

เอลวิส เพรสลีย์
หากมีคนมาสบประมาทคุณและพูดว่า  “คุณควรจะกลับไปขับรถบรรทุกมากกว่า”  เป็นคุณ คุณคิดอย่างไร อาจจะเชื่อตามนั้น แต่ไม่ใช่กับชายที่ชื่อเอลวิส เพรสลีย์ (Elvis Presley) ที่ทำให้เขาต้องรู้สึกว่าเขาต้องล้มเลิกความฝันหรือเป้าหมายในชีวิตไป โดยหัวหน้าวง Smith ได้พูดกับเขาเช่นนั้น ขณะที่เขาไปสมัครเป็นนักร้องนำของวงดังกล่าว เพราะเห็นว่าเขาไม่สมควรจะเป็นนักร้อง แต่ควรมีอาชีพเป็นคนขับรถบรรทุกเช่นเดิม แต่นั่นไม่ได้ลดความพยายามที่จะบรรลุเป้าหมายของราชาเพลงร็อกแอนด์โรลคนนี้ได้เลย เพราะเขายังคงมุ่งมั่นแสดงพรสวรรค์ทางการร้องเพลงอย่างต่อเนื่อง จนประสบความสำเร็จ และกลายเป็นราชาร้อคแอนด์โรลล์ของแฟนเพลงทั่วโลก

สตีฟ จ็อบส์
คุณเชื่อหรือไม่ ? สุดท้ายเขาก็สร้างความสำเร็จให้ตนเองได้ภาคภูมิใจ เพียงเพราะความมุ่งมั่นไม่ย่อท้อ มีเป้าหมายที่ชัดเจนของชายที่ชื่อ “สตีฟ จ็อบส์”​ (Steve Jobs) แม้ว่าวันนี้ โลกทั้งโลกจะยกย่องแนวคิดของเขาว่าเป็นที่สุดแห่งจุดกำเนิดของนวัตกรรม แต่เมื่อครั้งที่เขาก่อตั้งบริษัทขึ้นเป็นครั้งแรกก็กลับถูกผู้บริหารของบริษัทตนเองไล่ออก! เพราะความขัดแย้งเรื่องทิศทางธุรกิจ แต่แน่นอนว่าในวัย 30 ปี กลับทำให้เขารู้สึกว่าการว่างงานคือ ความอิสระ จึงได้เปิดบริษัทใหม่อีกครั้งในชื่อ NeXT ซึ่งหลังจากนั้นก็ถูก Apple ซื้อไปเป็นรากฐานของ OSX ของแอปเปิล จากนั้นเขายังได้เปิดบริษัท Pixar เพื่อสร้างสรรค์การ์ตูนแอนิเมชั่น 3 มิติ ชื่อดังอย่าง Toy Story , Monster Inc, Finding Nemo และถูกซื้อไปอยู่ภายใต้ Walt Disney ในเวลาต่อมา ก่อนที่โชคชะตาจะพลิกผัน และทำให้เขาได้กลับไปยัง Apple อีกครั้ง จนกระทั่งได้สร้างสรรค์สินค้าที่เปลี่ยนแปลงโลกอย่าง iPod, iPhone และ iPad

ฮาร์วาร์ดมหาลัยที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆ ของโลก ได้มีการทำวิจัยชิ้นหนึ่งที่มีชื่อเสียงมาก โดยผู้ตอบแบบสำรวจเป็นคนที่มีสติปัญญา การศึกษา และพื้นฐานการดำเนินชีวิตที่ไม่แตกต่างกัน พบว่า

27 % เป็นคนที่ไม่มีเป้าหมายในชีวิต

60 % เป็นคนที่มีเป้าหมายในชีวิตไม่ชัดเจน

10 % เป็นคนที่มีเป้าหมายระยะสั้น ๆ ที่ชัดเจน

3 % เป็นคนที่มีเป้าหมายระยะยาวชัดเจน

โดยได้ติดตามอีกเป็นเวลา 20 ปี แล้วพบว่าคนกลุ่มนี้มีชีวิตดังนี้

27 % ที่ไม่มีเป้าหมายในชีวิต พบว่าพวกเขาอยู่ในสังคมระดับล่างสุด และมักผิดหวังในชีวิต มักตกงานโดยต้องรับความช่วยเหลือทางการเงินจากสังคม ชอบบ่นว่าผู้อื่น และบ่น บ่น บ่น กับทุกสิ่งบนโลกใบนี้

60 % ที่มีเป้าหมายในชีวิตไม่ชัดเจน พบว่าพวกเขาอยู่ในสังคมระดับกลางและล่าง และได้งานที่มั่นคง แต่ว่าไม่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานมากเท่าที่ควร

10 % ที่มีเป้าหมายระยะสั้น ๆ ที่ชัดเจน พบว่าพวกเขาบรรลุเป้าหมายระยะสั้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้กลายเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เช่น หมอ ทนายความ วิศวกร ผู้บริการระดับสูง เป็นต้น

3 % ที่มีเป้าหมายระยะยาวชัดเจน พบว่าพวกเขาทุ่มเทความพยายามไปในทิศทางเดียวเท่านั้น ทำให้กลายเป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในสังคม

ผลวิจัยนี้ทำให้พวกเรารู้ว่า “หากคุณไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน ก็มิอาจประสบความสำเร็จในชีวิตได้” 

จริง ๆ แล้ว คนที่ประสบความสำเร็จจำนวนมากนั้น ไม่ใช่คนที่มีความสามารถและสติปัญญาโดดเด่นกว่าคนอื่น ตรงข้ามพวกเขาเป็นเพียงคนธรรมดา ๆ อาจเรียนได้อันดับท้ายๆ ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะ “คนธรรมดา ๆ เหล่านั้นมีความแน่วแน่กับเป้าหมายตนเอง  พวกเขาทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย และที่สุดก็ถึงจุดหมายปลายทางที่วางไว้ “ แต่สำหรับคนที่ฉลาดและเต็มเปี่ยมด้วยความสามารถกลับสนใจเสียทุกอย่างและไร้ซึ่งจุดหมาย ทำให้ที่สุดจึงไม่ประสบความสำเร็จแม้แต่อย่างเดียว ดังนั้น จึงอาจกล่าวได้ว่า “เป้าหมายชีวิตมีผลต่อความสำเร็จของคนธรรมดา ๆ”

ฝากช่วยกด Like กด Share ด้วย ขอบคุณครับผม

เป็นเพื่อนแชทพูดคุยสอบถามกันได้ที่ Line ID : @chavanut และ IG: chavy212

6 องค์ประกอบ เพื่อความสำเร็จ


ในหนังสือ “How to Be Rich” ซึ่งเขียนโดย เจ. พอล เก็ตตี้ (J. Paul Getty)

มหาเศรษฐีชาวอเมริกัน ได้กล่าวถึงองค์ประกอบ 6 ประการที่จะทำให้ประสบความสำเร็จในชีวิตไว้ดังนี้

1. คุณจะต้องมีธุรกิจเป็นของตัวเอง
2. ต้องขายสินค้าที่คนมีความจำเป็นต้องใช้
3. มีการรับประกันสินค้า 100%
4. ให้บริการเหนือคู่แข่ง
5. ให้ผลตอบแทนเฉพาะผู้ที่ทำงานเท่านั้น
6. การสร้างความสำเร็จของคุณจะต้องเกิดจากการช่วยเหลือผู้อื่นให้สำเร็จ

นอกจากนี้ โรเบิร์ต ที. คิโยซากิ (Robert T. Kiyosaki) ผู้เขียนหนังสือ “พ่อรวยสอนลูก” ที่โด่งดังไปทั่วโลกก็ได้กล่าวไว้ว่า…>

“คนที่รวยที่สุดในโลกมองหาวิธีการสร้างเครือข่าย ในขณะที่คนอื่นๆ มองหางานทำ”

ย้อนกลับมาพิจารณาธุรกิจเครือข่ายในบ้านเรา ยกตัวอย่าง เช่นแอมเวย์ คุณสมบัติพิเศษของธุรกิจเครือข่ายอย่างแอมเวย์ สามารถสรุปได้ 5 ข้อ ดังนี้

1. เป็นธุรกิจระยะยาว (Long-term Business)
2. เป็นธุรกิจที่ทำได้ง่าย ไม่ซับซ้อน (Simple Business)
3. เป็นธุรกิจที่ยุติธรรม (Fair Business)
4. เป็นธุรกิจของมหาชน (People Business)
5. เป็นธุรกิจที่พัฒนาศักยภาพของตนเองและผู้อื่น (Potential Development Business)

ลองเปรียบเทียบศึกษาดูนะครับว่า  ธุรกิจเครือข่ายอย่างแอมเวย์ ตรงกับที่ J. Paul Getty กับ Robert T. Kiyosaki กล่าวไว้หรือเปล่า ? ไม่มีใคร บังคับให้เราทำได้ นอกจากตัวเราเองเท่านั้นครับ ต้องกล้าที่จะเข้าไปถามดูจากคนที่ทำจริง ถ้ามันใช่ก็ทำดู ถ้าไม่ใช่ก็ถอยออกมา แค่นั้นเอง จริงมั๊ยครับ ?

ฝากช่วยกด Like กด Share ด้วย ขอบคุณครับผม

เป็นเพื่อนแชทพูดคุยสอบถามกันได้ที่ Line ID : @chavanut และ IG: chavy212

8 สิ่งต้องกล้าทำ เพื่อฝันอันยิ่งใหญ่

บทที่ 40 กล้าที่จะไปให้ถึงฝันอันยิ่งใหญ่
บทคัดย่อจาก หนังสือ ทำทีละอย่าง Just One Thing ของ ดร. ริค แฮนสัน, สนพ. อัมรินทร์

ได้อ่านหนังสือเล่มนี้แล้วชอบมากครับ จนอยากจะแชร์แบ่งปันให้คนอื่น  บทนี้เป็นบทนึง  ที่โดนใจคนมีฝันอย่างผมที่สุด อ่านบทนี้แล้ว มีฮึด! พร้อมกับความสงสัยว่ามันง่ายๆ แค่นี้เองเหรอ! เราคิดมากมาตลอด ว่าคนจะสำเร็จต้องทำนั่น ทำนี่! ทำโน่น!  ปวดหัวเลยบทนี้ทำให้ผมนี่  สงบ นิ่ง เห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์เลย เพื่อนๆ อ่านดูนะครับ หรือชอบก็ไปหาซื้อมาอ่านเลยคุ้มค่า! ให้อาหารสมองตัวเอง

image

เริ่มเลยดีกว่าครับ เราทุกคนมีความฝันกันทั้งนั้น ไม่ว่ามันจะเป็นเป้าหมายต่าง ๆ แผนอันยิ่งใหญ่ การที่เราอยู่เพื่ออะไร ? หรือการทุ่มเทเพื่อผู้อื่น….. สิ่งเหล่านี้อาจจะเป็น การลดน้ำหนักสัก  8  กก.   ประสบความสำเร็จในธุรกิจ เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต หลายฝันมาจากภาพในวัยเด็ก แล้วอะไรคือสิ่งที่หัวใจของคุณโหยหา!   มันอาจเป็นอะไรที่จับต้องได้   เช่น   การพาคนที่คุณรักท่องโลก หรือมันเป็นความฝันที่ต้องเอื้อมไกลอีกนิด เช่น การเกษียณตัวเองก่อนกำหนด ฝันเป็นจริงได้ด้วยการลงมือทำ 8 สิ่งนี้ เริ่มจาก….

1. หาเวลา สถานที่เงียบๆ แล้วถามตัวเองว่า คุณ ฝันถึงสิ่งใด ?

หรือย้อนกลับไปตอนคุณอายุยังน้อย แล้วถามว่า ความฝันของคุณคืออะไร ?

(วัยเด็กมีจินตนาการ และความฝันมากว่าตอนเราเป็นผู้ใหญ่ ไม่ติดเงื่อนไขว่าเป็นไปได้หรือไม่ได้ จริงหรือไม่จริง สรุปว่า คิดแบบผู้ใหญ่ คิดเยอะ !  แถมติดลบอีก ! : Admin)

2. เปิดกว้างรับคำตอบ
อย่าไปปฏิเสธ  ด้วยเหตุผลที่ว่า   มันเป็นไปไม่ได้ สายเกินไป  เราไม่เก่ง เป็นต้น  แล้วเขียนมันออกมา ย้ำ!!! “ต้องเขียนมันออกมา”

(เคยมีผลการทดลองออกมาว่า คนที่เขียนความฝันออกมากับคนที่ไม่ได้เขียน  ผลลัพธ์คนที่เขียนความฝันออกมา  ประสบความสำเร็จในชีวิตมากกว่าคนที่แค่คิด แต่ไม่ได้เขียนมันออกมา : Admin)

3. ให้ลองทำกระดานความฝันของคุณออกมา
ด้วยการเอาภาพ  (หรือคำพูด)  ที่แทนความฝัน (หลายอย่าง) ของคุณมาแปะรวมกันไว้

(เป็นการตอกย้ำภาพ ความฝันของคุณเข้าไปในจิตใต้สำนึกของคุณ : Admin)

4. ลองทำความรู้สึกดูว่า จะเป็นอย่างไร ? ถ้ามันกลายเป็นความจริง
และสิ่งนั้นจะดีต่อตัวคุณ  และผู้อื่นอย่างไรบ้าง ?

(จินตนาการสำคัญกว่าความรู้  แถมมีพลังผลักดันมหาศาลให้คุณมุ่งสู่ฝันที่ยิ่งใหญ่ของคุณ  อย่างไม่ย่อท้อ : Admin)

5. คิดดูว่าคุณจะทำอะไรที่เป็นรูปธรรมได้บ้าง ?
เพื่อจะได้ก้าวเข้าใกล้การเติมเต็มความฝัน ของคุณ แต่อย่าชะงักกับ การลงรายละเอียดหรือคิดถึงแตอุปสรรคมากเกินไปให้มองหาสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่คุณสามารถทำได้และเสริมสร้างได้ทีละนิดทุกๆวัน

(เดินทางหมื่นลี้ เริ่มจากก้าวแรก   เป็นก้าวเล็กๆที่จะค่อยๆ  พาคุณเดินไป ในเส้นทางฝันของคุณ   หาก   คุณไม่ออกเดินก็ไม่มีวันถึงฝัน ไม่สำคัญว่าเร็วหรือ ช้า มันสำคัญว่า “คุณได้ออกเดินหรือยัง ?” : Admin)

6. ทำแผนการออกมาด้วยการเขียนแผนการ       ของคุณออกมา พร้อมเขียนวันที่กำกับลงไปด้วย

(เอ่อ เอื๊อก สู้โว้ย ให้กำลังใจกันหน่อย ก่อนออกเดินทางสู่ฝันอันยิ่งใหญ่ของคุณ ก็ต้องทำแผนที่การเดินทางก่อน และกรุณาเขียนด้วยว่า  วันที่คุณบรรลุฝันคือ… หากไม่มีวันที่กำกับ  คุณจะเรื่อยเปื่อย ล่องลอย  อาจจะหมดลมหายใจ   ก่อนถึงฝันอันยิ่งใหญ่ของคุณ : Admin)

7. ลงมือทำมันเลย
ถ้าคุณบันทึกการกระทำของคุณลงไป ตามจริงมันอาจจะช่วยคุณได้ เช่น เขียนไปว่า คุณใช้เวลาไปมากเพียงใดในแต่ละวันกับการออกกำลังกาย

(ช่ายแล้ว! ทำมันเลย  อย่ารีรอสิ่งใด  ไม่ต้องดูฤกษ์   ฤกษ์ดีเป็นมงคลชีวิตของคุณคือ   บัดนาว   บัดเดี๋ยวนี้  แล้วการเขียนไปว่า  คุณทำอะไรไปบ้าง ?  มันเป็นการตอกย้ำสิ่งที่คุณทำ   มีสติ  มุ่งมั่น  โฟกัสกับสิ่งที่คุณทำจริงๆ มันข่วยได้ดีจริงๆ ยิ่งได้อ่านมันซ้ำๆ ยิ่งโฟกัส ยิ่งใกล้ฝันของคุณ ชนิดเห็นชัดเจนเห็นรูขุมขนเลยทีเดียว : Admin)

8. ปล่อยให้ความฝันเลี้ยงชีวิตคุณ
ตลอดเวลาที่คุณทำกิจกรรมต่างๆ นั้น  ขอให้คุณรู้สึกถึงหัวใจ   อันเต็มไปด้วยความดีงาม  ของความฝัน ว่ามันออกมาจากส่วนลึกภายในได้อย่างไรมันมีประโยชน์อย่างไร ? มันจะช่วยคุณ   และช่วยผู้อื่นได้อย่างไร ยอมยกตัวเองให้กับความฝันของคุณ   “ให้ความฝันเป็นเพื่อนคุณ !!!!!!!!! ”

(ประโยคท้ายนี่มันกินใจมากครับ  “ให้ความฝันเป็นเพื่อนคุณ”  นั่นคือ เราจะไม่พรากจากกันจนกว่า คุณจะเป็นคนที่ประสบความสำเร็จตามฝันของคุณและเราจะยังเดินทางไปกับความฝัน  เพื่อนแท้  เพื่อนตาย  เพื่อนรัก ของเราจนกว่าลมหายใจสุดท้ายของชีวิตมาเยือน    “รักนะ ความฝัน เพื่อนเลิฟ” : Admin)
สรุปฝันจะเป็นจริงได้ เมื่อคุณได้ทำตาม  8  สิ่งที่หนังสือดีๆ เล่มนี้บอก แต่ แต่ แต่..คุณต้องลงมือทำ ขอบคุณสิ่งดีๆ  ที่ได้รับจากหนังสือเล่มนี้   จำไว้ครับ “รู้แล้วต้องลงมือทำ ไม่ทำก็เหมือนไม่รู้”

ฝากช่วยกด Like กด Share ด้วย ขอบคุณครับผม

เป็นเพื่อนแชทพูดคุยสอบถามกันได้ที่ Line ID : @chavanut และ IG: chavy212