ประเทศไทยได้รับเกียรติถูกจัดอันดับให้เป็นประเทศที่รถติดที่สุดในโลก (ขอเสียงปรบมือหน่อยครับ) กรุงเทพมหานครของไทย ถูกจัดอันดับให้เป็นเมืองที่รถติดมากที่สุดอันดับที่ 12 ของโลกในช่วงที่มีการจราจรคับคั่ง คนมากมายหลายคน เชื่อว่าการอยู่ในห้องโดยสารของรถยนต์ปลอดภัยจากมลภาวะทางอากาศเป็นพิษที่อยู่บนท้องถนน แต่ศาสตราจารย์ Sir. David King จากมูลนิธิศึกษาปอด ของอังกฤษ กล่าวว่า จากงานวิจัยหลายชิ้นซึ่งเก็บข้อมูลตั้งแต่ปี 2001 ชี้ว่า ผู้ที่อยู่ในรถยนต์บนท้องถนน ต้องสูดมลภาวะเป็นพิษมากกว่าผู้ที่เดินหรือขี่จักรยานอยู่บนท้องถนนเดียวกัน โดยเด็กเล็กเสี่ยงต่อการป่วยด้วยโรคทางเดินหายใจมากขึ้น ซึ่งนอกจากจะส่งผลเสียต่อสุขภาพปอดของเด็กแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อความสามารถในการเรียนรู้ของเด็กอีกด้วย
ข้อมูลที่น่าสนใจ
92% ของคนทั่วโลกใช้ชีวิตท่ามกลางสภาวะอากาศที่อันตรายเกินค่ามาตรฐานความปลอดภัยขององค์การอนามัยโลก
6.5 ล้านคน หรือ 11.6% ของผู้เสียชีวิตทั่วโลกเสียชีวิตจากมลพิษทางอากาศทั้งในพื้นที่เปิด และพื้นที่ปิด
ห้องโดยสารภายในรถยนต์ที่เหมือนจะปลอดภัยนั้น ก็อันตรายไม่แพ้กัน เพราะ มีมลพิษสูงกว่าภายนอกรถถึง 15 เท่า!!***
ผู้คนมักจะคิดว่า ในขณะที่ประตูและหน้าต่างทุกบานถูกปิดสนิทแล้วอยู่ภายในรถเราก็จะปลอดภัยจากมลภาวะ แต่ในความจริงก็ยังมีช่องว่างที่ฝุ่นละอองขนาดเล็กมาก และมลพิษต่างๆ เล็ดลอดเข้ามาได้ ช่องระบายอากาศที่ปล่อยให้อากาศจากด้านนอกเข้ามาก็เป็นอีกปัจจจัยสำคัญที่ก่อมลพิษให้เข้มข้นขึ้นจนเป็นอัตรายต่อสุขภาพได้
ไม่เพียงแต่มลพิษจากภายนอกรถเท่านั้น สิ่งที่อยู่ในห้องโดยสารก็เป็นปัจจัยสำคัญเช่นกัน
- กรองแอร์รถยนต์ เป็นที่ชื้น มืด และไม่ปลอดโปร่ง ซึ่งเชื้อรา ไวรัส และแบคทีเรีย ชอบมาก เพราะสามารถแพร่พันธ์ุได้อย่างรวดเร็ว
- การตกแต่งภายในรถยนต์ จำพวกวัสดุต่างๆ เช่น หนังและพลาสติก กาว สีรถ ซึ่งสามารถปล่อยแก๊สฟอร์มาลดีไฮด์ได้ ที่เป็นอันตรายต่อทุกคนภายในรถได้
- พฤติกรรมคนใช้รถ คนขับรถและผู้ที่นั่งในรถคืออีกปัจจัยที่นำฝุ่นละอองเข้ามา เมื่อรวมกับกลิ่นสัตว์เลี้ยงและกลิ่นไม่พึงประสงค์อื่นๆ อย่าง อาหารที่นำมากิน น้ำหอมปรับอากาศ ตัวเคลือบหนังทำความสะอาด รวมไปกับฝุ่นละอองจากภายนอกรถ ก็ยิ่งเพิ่มระดับของมลพิษในห้องโดยสารขึ้นเป็น 2 หรือ 3 เท่า
ผลลัพธ์ ที่เกิดจากมลพิษทางอากาศภายในห้องโดยสารรถยนต์
มลพิษที่เข้าไปสะสมในส่วนต่างๆ ของร่างกายผ่านการหายใจทำให้เกิดโรคระบบทางเดินหายใจต่างๆ อย่างเช่น โรคหอบหืด โรคปอด และหลอดลมอักเสบเรื้อรัง จนอาจพัฒนาขึ้นจนกลายเป็นโรคมะเร็งโพรงจมูกและมะเร็งปอด มลพิษบางชนิดยังค่อยๆ ลดออกซิเจนที่ส่งเข้าไปในอวัยวะและเนื้อเยื่อต่างๆ ของร่างกาย ลดการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจ ทำลายปอดและระบบประสาท ซึ่งมีผลต่อกระบวนการรับรู้และการพัฒนาสติปัญญาในเด็กเล็กๆ อีกด้วย
วิธีป้องกัน ไม่ให้เราต้องเผชิญมลพิษภายในรถยนต์จนส่งผลกระทบต่อสุขภาพ
- ควบคุมแหล่งกำเนิดมลพิษ ดักจัดการมลพิษทางอากาศมันตั้งแต่ต้นทางเลย โดยไอเสียจากรถยนต์เป็นแหล่งใหญ่สุดที่ทำให้เกิดมลพิษในเมือง ดังนั้น จึงควรจะควบคุมไอเสียให้ต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้ นั่นคือหลีกเลี่ยงการขับรถโดยไม่จำเป็น บำรุงรักษารถให้เหมาะสม เพื่อจะได้เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของรถไม่ให้ปล่อยมลพิษทางอากาศออกมามากเกินไป
- เพิ่มการถ่ายเทอากาศภายในรถ ด้วยการปล่อยให้อากาศข้างนอกเข้าในรถมากขึ้น โดยเปิดหน้าต่าง หรือเปิดเครื่องปรับอากาศ โดยเปิดช่องระบายลม หากจะใช้วิธีนี้ควรขับอยู่ นอกเมืองในวันที่อากาศเย็น ในที่ที่มีมลพิษในอากาศต่ำ ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นการเอามลพิษทางอากาศเข้ามาในรถมากขึ้นไปอีก
- ติดตั้งเครื่องกรองอากาศภายในรถยนต์ เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยปรับปรุงคุณภาพอากาศของห้องโดยสารในรถยนต์ได้ดี วิธีนี้อาจพูดให้เข้าใจได้ง่ายๆว่า “เมื่อหนี ไม่ได้ก็ต้องสู้กับมันนั่นเอง” สะดวก ง่าย ปลอดภัย
Photo : pixabay.com
คลิกลิงค์ ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพภายในรถยนต์
ฝากช่วยกด Like กด Share ด้วย ขอบคุณครับผม
เป็นเพื่อนแชทพูดคุยสอบถามกันได้ที่ Line ID : @chavanut และ IG: chavy212