5 เป้าหมายที่ควรตั้งปีใหม่นี้ เพราะมันดีต่อชีวิตของคุณจริง ๆ

ช่วงปีใหม่เป็นช่วงที่มีความสุขของทุกคน เพราะรู้สึกว่า ชีวิตกำลังเริ่มต้นใหม่ นับหนึ่งใหม่ แม้มันจะเป็นการนับครั้งที่เท่าไหร่จำไม่ได้ ไม่อยากจำ อิอิ!! หุหุ!! ตามอายุที่เกิดมาบนโลกอันสวยงาม สนุกสนานใบนี้ คนที่มีเป้าหมายเท่านั้นที่จะได้อย่างที่ใจต้องการ มันเหมือนกับแผนที่เดินทางที่กำลังบอกเราว่า เราจะเดินทางไปที่ไหน เพื่ออะไร แต่คนส่วนใหญ่ก็ไม่รู้ว่า จะตั้งเป้าหมายอะไรดี ผมเคยถามเพื่อนว่า ปีใหม่แล้วมีเป้าหมายจะทำอะไรบ้างในปีหน้า เพื่อนตอบมาเบา ๆ ว่า “ไม่รู้ ยังไม่ได้คิด ไม่เคยตั้งเป้าหมาย เพราะไม่รู้ว่าจะตั้งเป้าหมายอะไรดี” ฟังแล้ว เหมือนปลาตายลอยตามน้ำ ยังไงไม่รู้

ผมเริ่มต้นวางเป้าหมายให้ตัวเองมานานหลายปีแล้ว ซึ่งมันทำให้ชีวิตของเราดีขึ้น มีทิศทางมากขึ้น แม้มันจะไม่ได้เข้าเป้าครบทุกเป้าหมาย แต่วางไว้ 5 เข้าเป้า 3 ชีวิตก็เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นแล้วครับ ความภาคภูมิใจ ความเชื่อมั่นในตัวเองมันพลุ่งพล่านเพิ่มขึ้นตลอด เป้าหมายใหม่ ๆ ก็เพิ่มเติมเข้ามาในสมองตลอด จนมันกลายเป็นส่วนหนึ่งของเรา เดี๋ยวนี่ไม่ว่าจะทำอะไร ก็มีเป้าหมายตลอด ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ เหมือนกัปตันแจ็ค สแปร์โรว์ ที่มีเป้าหมายตามหาเรือ Black Pearl สนุก ตื่นเต้น ระทึกใจตลอดเส้นทางเชียว แล้วเราควรตั้งเป้าหมายอะไรดี ผมขอเสนอ 5 เป้าหมาย ที่ควรตั้ง และช่วงเวลาที่ดี เพราะกะลังจะใกล้ปีใหม่ ก็ต้องทำอะไรใหม่ เริ่มสิ่งใหม่ ๆ ให้กับชีวิตตัวเองได้แล้วครับ มันถึงเวลาแล้ว มาดูกันว่ามีเป้าหมายอะไรบ้าง

money-2696229_1920

  1. เป้าหมายการเก็บเงิน  ยุคนี้มีเงินออมไว้มันก็ อุ่นใจ จะเอาไปทำอะไรก็ได้ เช่น เอาไปลงทุนซื้อ LTF, ออมเก็บไว้กินดอกเบี้ย, เปลี่ยนมือถือใหม่ เป็นต้น กำหนดให้ชัดไปเลยว่าจำนวนเท่าไหร่ เก็บจนถึงเมื่อไหร่ ตัวอย่าง จะเก็บเงินไว้ลงทุน LTF จำนวน 60,000 บาท มีเวลา 12 เดือน ก็เอา 60,000/12 เท่ากับเก็บ 5,000 บาทต่อเดือน บางคนไม่เคยมีเงินฝากในบัญชีเลยตลอดชีวิตที่เกิดมา ลองตั้งเป้าหมายที่จะเก็บเงินและออมไว้ในบัญชีดูครับ อาจจะไม่ต้องมากมายเกินกำลัง เริ่มต้นจากน้อย ๆ ก่อนแล้วค่อย ๆ เพิ่ม แล้วคุณจะอุ่นใจ สุขใจ ชื่นใจ อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เมื่อทำได้ครบ คุณจะรู้ว่า เราก็ทำได้ ง่ายนิดเดียว เพราะแค่คิดตั้งเป้าหมายก็สำเร็จไปกว่าครึ่งแล้ว ที่เหลือก็แค่ ทำ ทำ ทำ ตามแผนที่วางไว้welcome-905562_1920
  2. เป้าหมายการเรียนภาษา ยุคนี้ใครได้ภาษาก็ได้เปรียบในยุคโลกไร้พรมแดน มันมีแต้มต่อคนที่ไม่ได้ภาษาเลย ภาษาที่คนส่วนใหญ่ใช้ในโลกนีก็ เช่น ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ภาษาญี่ปุ่น เป็นต้น ทีนี้การที่จะทำให้เป้าหมายนี้สำเร็จก็มีหลายวิธี เช่น เรียนด้วยตัวเอง จ้างครูมาสอน ไปลงเรียนตามสถาบันต่าง ๆ ก็เลือกตามที่เราถนัดได้เลย กำหนดไปเลยครับว่า ภายในปี 2561 เราต้อง พูด อ่าน เขียน ได้ดีระดับไหน และเป้าหมายในการฝึก คือเราจะฝึกภาษาวันละกี่ชั่วโมง อาทิตย์ละกี่วัน จัดไปเลย มันขึ้นกับว่าเราโฟกัสใช้เวลาส่วนใหญ่ของเรากับการฝึกมากน้อยแค่ไหน ถ้ามากก็สำเร็จเร็วขึ้น ถ้าน้อยก็นานหน่อย แค่นั้นเอง เลือกเอาว่า อยากเป็นเร็วหรือช้าlose-weight-1968909_1920
  3. เป้าหมายการลดน้ำหนัก นี่เป็นเป้าหมายยอดฮิตของสาว ๆ เลย หนุ่ม ๆ ก็เยอะเหมือนกัน แต่มักจะถูกยกเลิกหลังจากผ่านปีใหม่ไป ไม่นาน 5555555 เพราะอะไรนะเหรอ ก็การลดน้ำหนักมันเป็นการเอาชนะใจตัวเองล้วน ๆ เอาชนะนิสัยที่ไม่ดี ที่เราทำมานานหลาย ๆ ปีติดต่อกัน ขอบอกว่า ยากระดับ 5 ดาวมิชลินเลย แต่ก็เพราะมันยากระดับ 5 ดาวมิชลินนี่แหละดี มันเหมาะกับคนจริงแบบเรา ถ้ามันง่าย ๆ มันไม่ก็ท้าทายตัวเองดิ “มันยาก แต่เป็นไปได้ด้วย วินัย ในตัวเราเอง” ลองคิดดู เมื่อเราลดน้ำหนักได้ สุขภาพของเราจะดีขึ้นขนาดไหน รูปร่างก็ดีขึ้น คล่องตัวขึ้น หนุ่ม ๆ มองเหลียวหลังเชียว (จากที่ไม่เคยชายตามอง เป็นทีของเรา เล่นตัวซะให้หัวปั่นเลย 55555 หลอกให้อยาก แล้วจากไป) เริ่มจากกำหนดไปเลยว่าจะลดเหลือน้ำหนักเท่าไหร่ เพื่ออะไร ? ได้แล้วก็หาข้อมูลวิธีการลดน้ำหนักที่ปลอดภัย ลงมือทำอย่างมีวินัย มุ่งมั่น ขยัน อดทนteddy-bear-2855982_1920
  4. เป้าหมายการอ่านหนังสือ หลายคนอาจจะไม่ชอบอ่านหนังสือมากนัก แบบว่าจับหนังสือทีไร ง่วงตลอด ผมก็เป็นเหมือนกัน ตอนเรียนก็ไม่ค่อยจะอ่าน จบมาทำงานยิ่งแล้วใหญ่ ก็เรียนจบแล้วจะอ่านทำไม แต่จะบอกว่า “ไม่เคยมีคนที่ประสบความสำเร็จคนไหน ไม่เป็นนักอ่านตัวยง” คิดได้ดังนั้นก็เริ่มตั้งเป้าหมายที่จะอ่านหนังสือ โดยเราไม่จำเป็นต้องหักโหมอ่าน เริ่มจากน้อย ๆ ค่อย ๆ เพิ่ม สม่ำเสมอทุกวัน กำหนดไปเลยครับ เดือนนี้จะอ่านกี่เล่มดี อ่านทุกวัน วันละกี่หน้า กี่นาที เน้น! หนังสือที่เราอ่านแล้วได้พัฒนาตัวเอง เพิ่มความรู้ สติปัญญา เบื่อ ๆ ก็สลับมาอ่านนิยายที่ชอบบ้างก็ได้ แล้วค่อยกลับไปอ่านใหม่ครับ เดี๋ยวนี้นะครับ วันไหนไม่ได้อ่านหนังสือ นอนไม่หลับ เหมือนมันติดค้างอะไรสักอย่าง คาใจ คือว่า มันกลายเป็นนิสัยถาวรของผมไปโดยปริยาย และเป็นนิสัยที่ดีซะด้วย ใครพูดเรื่องอะไร คุยได้เกือบทุกเรื่องส่วนใหญ่ กลายเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของเราไปIMG_1765
  5. เป้าหมายการท่องเที่ยว พูดถึงเป้าหมายนี้ ส่วนใหญ่โดนใจ คนส่วนใหญ่ชอบท่องเที่ยวเป็นทุนอยู่แล้ว เที่ยวแล้วไม่อยากกลับมาทำงานเลย 55555 ผมเป็นบ่อยไปเที่ยวแล้ว พอวันสุดท้ายจะกลับ ใจหายทุกที นี่เราต้องกลับไปทำงานแล้วเหรอ เฮ้อ! แต่ก็ต้องกลับ เพราะถ้าไม่กลับไปทำงานก็ไม่มีตังค์มาเที่ยวอีก สิ่งที่ได้จากการท่องเที่ยว คือ ความสุข เป็นการเติมพลังงานชีวิตให้กับตัวเอง ได้มุมมองใหม่ในโลกกว้าง ได้ความคิดใหม่ ๆ ได้สัมผัสกับเพื่อนใหม่ ได้ไปลองภาษาอังกฤษที่พยายามฝึกมา เพิ่มทักษะชีวิตในการอยู่ต่างแดน ฯลฯ การที่จะไปเที่ยวไม่ว่าจะเป็นในประเทศ ต่างประเทศ กำหนดไว้เลยครับว่าจะไปเที่ยวที่ไหน เมื่อไหร่ เช่น เดือนเมษายน จะไปเที่ยวโอซาก้า หาข้อมูล วางแผนเลย ใช้เงินเท่าไหร่ ไปกี่วัน เที่ยวที่ไหนบ้าง วางแผนล่วงหน้าสัก 4-6 เดือน ผมแนะนำนะครับ หาซื้อหนังสือไกด์ท่องเที่ยวของที่ที่เราจะไปมาอ่าน พกติดตัวไปด้วยเลย สะดวกดีครับ ข้อมูลครบครัน

การมีเป้าหมาย ก็เปรียบเหมือนเรามีแผนที่ขุมทรัพย์ ทำให้เรารู้ว่า เราจะไปไหน ไปถึงแล้วได้อะไร เขาถึงบอกว่า “ชีวิตมีเป้าหมาย เหมือนแซลมอนว่ายทวนน้ำ เพื่อวางไข่ แต่ชีวิตที่ไร้เป้าหมายก็เหมือนแซลมอนตาย ลอยตามน้ำ” (อันนี้คิดเอาเอง 55555) ลองมากำหนดเป้าหมายรับปีใหม่ดูครับ แรก ๆ อาจจะติด ๆ ขัด ๆ ค่อย ๆ ทำ ค่อย ๆ ปรับ บ่อย ๆ เราก็จะเก่งขึ้นครับ ไม่มีใครวางเป้าหมายเก่งตั้งแต่เริ่มต้น ทำดูแล้วจะรู้ว่า ชีวิตของเราจะดีขึ้น อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เป้าหมายอาจจะไม่เหมือน 5 อย่างที่ผมบอกมาก็ได้ แต่ขอให้ตั้งเป้าหมายเถอะครับ ชีวิตของเราจะดีขึ้นตามเป้าหมายที่เราวางไว้ แน่นอน ผมรับรอง

ลิงค์แนะนำ ลดน้ำหนักด้วยบอดี้คีย์ (BodyKey) จาก 77 เหลือ69

เป็นเพื่อนแชทพูดคุยสอบถามกันได้ที่ Line ID : @chavanut และ IG: chavy212

ข้อคิดจากซีรี่ย์ซุนวู ตำนานพิชัยสงคราม

การดูซีรี่ย์นอกจากความบันเทิงแล้ว สิ่งที่ได้อีกอย่างคือ ข้อคิด คำคม ที่อยู่ในตัวซีรี่ย์ ผมชอบดูซีรี่ย์ เมื่อก่อนก็ดูผ่าน ๆ แต่ผมสังเกตุเห็นว่าในซีรี่ย์มักมีข้อคิด คำคม ซ่อนอยู่ถ้าไม่สนใจก็ไม่อาจเห็นได้ คำหนึ่งคำ หรือประโยคหนึ่งประโยค มันสามารถเปลี่ยนความคิดของเราได้ โดยไม่ต้องพูดให้ยาว เยิ่นเย้อ! เอามาใช้ประโยชน์กับชีวิตของเราได้ง่าย ๆ ช่วงหลังพอดูซีรี่ย์หรือหนังแล้ว ผมมักจะหยิบปากกา ดินสอ มาขีดเขียนคำคมที่มันสะดุดใจของผม ไม่ว่าตัวเอก นางเอก ผู้ร้ายพูดมา ถ้าโดนนะ “จดมันลงกระดาษเลย เพราะถ้าจำไม่หมด จดดีกว่าจำ” แล้วก็ได้มาแชร์ให้เพื่อน ๆ ได้อ่านกัน

ซุนอู-3

ข้อคิดดี ๆ จากซีรี่ย์ ซุนวู ตำนานพิชัยสงคราม

“ไม่รู้เขา ไม่รู้เรา จะต้องแพ้ทุกครั้ง” 

“ไม่รู้เขา รู้เพียงแต่เรา ชนะเพียงครึ่งเดียว”

“รู้เขา รู้เรา ไม่มีวันแพ้”

“เหยี่ยวตัวนึง ต้องการกินช้างทั้งตัว โดยกินทีละคำ” 

“เลือกคนให้ถูกกับงาน อ่านคนเป็น”

“บอกความสำคัญของงานที่มอบหมายให้ทำ”

“โอกาสเหมือนสายฟ้า ที่มาเพียง แว่บเดียว!!”

“เราใจกว้าง คนมีความสามารถจะมาหาเราเอง”

“แม่ทัพเข้มแข็ง ประเทศเข้มแข็ง แม่ทัพอ่อนแอ ประเทศอ่อนแอ”

“ใจคนมีความโลภ ก็เหมือน เลี้ยงเสือไว้ในอกและเมื่อเราเปิดมัน มันก็จะออกมาไม่เพียงทำร้ายคนอีกแต่ยังทำร้ายตัวเองด้วย”

“คลี่คลายความแค้นในอกออกไป ถึงจะอยู่อย่างมีความสุข มีความหมาย”

“ความเมตตาก็เหมือนต้นไม้จะค่อยๆ เติบโต เติบโต จนเหมือนต้นไม้ใหญ่มันจะช่วยขจัดความแค้นในใจได้”

“หากต้องมีการรบ การทำให้ศัตรูยอมแพ้นั่นคือ สุดยอด การใช้ทหารโจมตีเป็นแผนชั้นต่ำ หลักการทหารต้องรอบคอบ และหลีกเลี่ยง”

ซุนอู-6

เป็นอย่างไรบ้างครับ อ่านแล้ว มันประโยคเดียวเข้าใจชัดเลย จนผมไม่ต้องอธิบายหรือสาธยายเพิ่มเติมเลย เดี๋ยวโอกาสหน้า คอยติดตามนะครับว่า ผมจะเอาคำคมจากซีรี่ย์หรือหนัง เรื่องอะไรมาแชร์กันครับ

เป็นเพื่อนแชทพูดคุยสอบถามกันได้ที่ Line ID : @chavanut และ IG: chavy212

8 วิธีสร้างแรงจูงใจให้ตัวเองเริ่มต้น

การเริ่มต้นด้วยแรงจูงใจที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ เพราะการเรื่มต้นที่ดีสามารถสร้างแรงผลักดันให้คงอยู่ไปอีกยาวนาน ถ้าคุณเริ่มต้นถูกต้องแล้ว โอกาสที่คุณจะประสบกับความสำเร็จก็จะยิ่งมีมากขึ้น ต่อไปนี้คือเคล็ดลับในการเริ่มต้น

  1. เริ่มต้นทีละน้อย นี่คือเคล็ดลับสำคัญที่สุด! อย่าเริ่มต้นด้วยเป้าหมายที่ใหญ่โต!!! แต่ให้เริ่มต้นด้วยเป้าหมายเล็ก ๆ ที่ง่ายดาย
  2. เป้าหมายหนึ่งเดียว การเริ่มต้นด้วยเป้าหมายมากมาย และพยายามทำหลายสิ่งหลายอย่างพร้อมกัน เป็นการสูบพลังและบั่นทอนแรงจูงใจ คุณต้องเลือกเป้าหมายหนึ่งเดียว และจดจ่อกับมันให้เต็มที่
  3. ตรวจสอบแรงจูงใจ ทำความเข้าใจเหตุผลของคุณเอง ใช้เวลาไตร่ตรอง แล้วเขียนมันออกมา การทำเพื่อคนที่รักจะเป็นแรงจูงใจทรงพลังกว่าการทำเพื่อตัวเอง แต่ถ้าจะทำเพื่อตัวเอง คุณต้องรู้ว่าคุณทำสิ่งนั้นเพราะอะไร และต้องเป็นเหตุผลที่ดีด้วย
  4. ต้องการอย่างสุดหัวใจ สิ่งที่คุณต้องการ ต้องเป็นสิ่งที่คุณหลงใหล ตื่นเต้นสุดขีดและโหยหาสุดหัวใจ
  5. ประกาศให้คนอื่นได้รับรู้ เราจะพยายามมากกว่าปกติ เพื่อทำให้สิ่งที่เราประกาศไว้กลายเป็นจริง
  6. รู้สึกตื่นเต้น ความตื่นเต้นเกิดขึ้นจากการได้รับแรงบันดาลใจจากคนอื่น ซึ่งคุณควรนำความรู้สึกตื่นเต้นดังกล่าวมาต่อยอด นึกภาพว่าเป็นอย่างไรถ้าสำเร็จ จินตนาการให้เห็นถึงประโยชน์ของเป้าหมายดังกล่าว
  7. สร้างความคาดหวัง เคล็ดลับนี้อาจฟังยาก และมองข้ามไป แต่มันใช้ได้ผลจริง ๆ เมื่อคุณค้นพบแรงบันดาลใจและต้องการไปให้ถึงจุดหมาย อย่าเริ่มต้นทันที! ขอให้กำหนดวันล่วงหน้า อาจเป็นหนึ่งหรือสองสัปดาห์ แม้อาจเป็นเดือนหน้า นั่นเท่ากับเป็นการสร้างความคาดหวัง มันจะทำให้คุณจดจ่อกับเป้าหมายมากขึ้นและมีพลัง
  8. พิมพ์เป้าหมายออกมาแปะไว้ พิมพ์เป้าหมายตัวโต ๆ ใส่กระดาษ (ใช้ถ้อยคำสั้นและกระชับ) แล้วแปะทิ้งไว้ที่บ้าน ที่ทำงาน บนผนังหรือตู้เย็น ตู้เสื้อผ้า หน้าจอคอมพิวเตอร์ ใช้รูปภาพที่สื่อถึงเป้าหมาย เป็นตัวกระตุ้นเตือน ก็ช่วยได้

ข้อมูลบางส่วนจากหนังสือ : ทำน้อยให้ได้มาก

เขียนโดย : Leo Babuata

สำนักพิมพ์ : WE LEARN

เป็นเพื่อนแชทพูดคุยสอบถามกันได้ที่ Line ID : @chavanut และ IG: chavy212

วิธีเป็นคนสำเร็จ ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก

อยากสำเร็จ เค้า! อยากสำเร็จ ได้ยินบ๊อย บ่อย ผมเชื่อว่า ทั้งผมและทุกคนที่อ่านก็อยากประสบความสำเร็จในชีวิตเหมือนกัน ส่วนคนที่สำเร็จแล้ว ก็สำเร็จแล้วสำเร็จอีก เพราะอะไร ? มาดูกันครับ

  1. ทำทุกวัน คือการที่เราทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งซ้ำ ๆ กันทุกวันอย่างมีวินัย มุ่งมั่น ขยัน อดทน ให้มันรู้ไปว่าจะไม่เก่งในสิ่งนั้น ทำจนชนิดหลับตาก็ทำได้ ผมยกตัวอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ขวัญใจนักเตะที่ผมชื่นชอบ โค้ชหลายคนยกย่องให้เขาเป็นนักเตะที่มีพรแสวงสูงมาก พรแสวงเกิดจากการทำสิ่งนั้นบ่อย ๆ ทุกวัน อย่างโรนัลโด้หลังจากซ้อมตามปกติแล้ว ขณะที่คนอื่นกลับบ้าน แต่โรนัลโด้ ยังฝึกซ้อมต่อคนเดียวอีก ตอนเห็นลูกเล่นใหม่ ๆ โรนัลโด้ก็จะมาฝึกวันแล้ว วันเล่าจนคล่องและชำนาญ อยู่บ้านก็เล่นกล้ามหน้าท้องอีกวันละ 300 จนกลายเป็นนักฟุตบอลที่เล่นได้แข็งแกร่งเก่งเหนือมนุษย์ นั่นเกิดจากการทำทุกวัน เราก็เหมือนกันหากทำซ้ำ ๆ ทุกวันผลลัพธ์ก็ได้เหมือนกัน
  2. ทำ 21 วัน ถามว่าทำไมต้องทำต่อเนื่องไปอย่างน้อย 21 วัน ก็เพราะเมื่อเราทำสิ่งใดก็แล้วแต่สมองจะสร้างเส้นประสาทขึ้นมาใหม่ แล้วยิ่งพอทำต่อเนื่อง 21 วัน เส้นประสาทนั้นก็จะใหญ่ขึ้น ๆ จนสื่อประสาทวิ่งได้คล่อง ทำให้ทำไปแบบอัตโนมัติ ยกตัวอย่าง ผมขับรถกลับบ้านเส้นทางเดิมทุกวันมาเป็นเวลาหลายปี เชื่อมั๊ย! ขับกลับแบบไม่ได้คิดอะไรเลยมันเป็นไปโดยอัตโนมัติ แต่มีบางวันที่ผมต้องไปทำธุระ ซึ่งต้องไปเส้นทางอื่น ขับไป คิดโน่น คิดนี่ เผลอแพลบ! เฮ้ย! ทำไมมาอยู่เส้นทางกลับบ้านฟะ! งงอ่ะ! เพราะว่า เส้นประสาทขับกลับบ้านมันใหญ่กว่า สารสื่อประสาทมันวิ่งได้ง่ายและเร็วกว่าเส้นประสาทเส้นทางใหม่ นี่คือเหตุผลว่าทำไม หลายคนถึงทำสิ่งใหม่ได้ไม่กี่วันก็กลับไปทำแบบเก่าอีก เหมือนคนลดน้ำหนักต้องควบคุมอาหาร ทำไปได้ไม่เท่าไหร่ก็กลับไปกินเหมือนเดิม เพราะเส้นประสาทการกินแบบเดิมมันทำมานานและใหญ่กว่านั่นเอง ถ้าอยากลดน้ำหนักสำเร็จต้องพยายามฝืนตัวเองให้ได้เกิน 21 วันครับ ฝืนจนเส้นประสาทการกินอาหารใหม่มันใหญ่กว่าการกินแบบเก่า ต่อไปเราก็จะกลับไปกินแบบเก่ายากขึ้น

สรุปว่า หากอยากสำเร็จต้องสร้างนิสัยสำเร็จให้เป็นนิสัยอัตโนมัติ โดยการทำทุกวัน เป็นเวลา 21 วันอย่างน้อย รับรองเราจะกลายเป็นคนที่ทำอะไรก็สำเร็จ

เป็นเพื่อนแชทพูดคุยสอบถามกันได้ที่ Line ID : @chavanut และ IG: chavy212

หากคุณคือคนธรรมดา คุณสำเร็จได้เพราะสิ่งนี้

ทอมัส เอดิสัน
บิดาแห่งนักประดิษฐ์ ทอมัส เอดิสัน (Thomas Edison) ผู้ให้กำเนิดหลอดไฟที่มอบแสงสว่างให้กับโลกคนนี้ เคยถูกครูด่าว่า “โง่และสอนไม่ได้!!!”  เคยถูกไล่ออกจากงานจนนับครั้งไม่ถ้วน แต่เขากลับไม่เคยยอมแพ้และล้มเลิกความคิดในการประดิษฐ์สิ่งต่างๆ จนมีผลงานที่จดสิทธิบัตรมากกว่า 1,000 ชิ้น ซึ่งวลีเด็ดที่เขาคือ “ความสำเร็จในชีวิตของเขานั้นมาจากความพยายาม 99 % และแรงบันดาลใจ 1 %” หากปราศจากเป้าหมายที่ชัดเจน ก็คงไม่มีความพยายามมากมายขนาดนั้น จนประสบความสำเร็จ

เอลวิส เพรสลีย์
หากมีคนมาสบประมาทคุณและพูดว่า  “คุณควรจะกลับไปขับรถบรรทุกมากกว่า”  เป็นคุณ คุณคิดอย่างไร อาจจะเชื่อตามนั้น แต่ไม่ใช่กับชายที่ชื่อเอลวิส เพรสลีย์ (Elvis Presley) ที่ทำให้เขาต้องรู้สึกว่าเขาต้องล้มเลิกความฝันหรือเป้าหมายในชีวิตไป โดยหัวหน้าวง Smith ได้พูดกับเขาเช่นนั้น ขณะที่เขาไปสมัครเป็นนักร้องนำของวงดังกล่าว เพราะเห็นว่าเขาไม่สมควรจะเป็นนักร้อง แต่ควรมีอาชีพเป็นคนขับรถบรรทุกเช่นเดิม แต่นั่นไม่ได้ลดความพยายามที่จะบรรลุเป้าหมายของราชาเพลงร็อกแอนด์โรลคนนี้ได้เลย เพราะเขายังคงมุ่งมั่นแสดงพรสวรรค์ทางการร้องเพลงอย่างต่อเนื่อง จนประสบความสำเร็จ และกลายเป็นราชาร้อคแอนด์โรลล์ของแฟนเพลงทั่วโลก

สตีฟ จ็อบส์
คุณเชื่อหรือไม่ ? สุดท้ายเขาก็สร้างความสำเร็จให้ตนเองได้ภาคภูมิใจ เพียงเพราะความมุ่งมั่นไม่ย่อท้อ มีเป้าหมายที่ชัดเจนของชายที่ชื่อ “สตีฟ จ็อบส์”​ (Steve Jobs) แม้ว่าวันนี้ โลกทั้งโลกจะยกย่องแนวคิดของเขาว่าเป็นที่สุดแห่งจุดกำเนิดของนวัตกรรม แต่เมื่อครั้งที่เขาก่อตั้งบริษัทขึ้นเป็นครั้งแรกก็กลับถูกผู้บริหารของบริษัทตนเองไล่ออก! เพราะความขัดแย้งเรื่องทิศทางธุรกิจ แต่แน่นอนว่าในวัย 30 ปี กลับทำให้เขารู้สึกว่าการว่างงานคือ ความอิสระ จึงได้เปิดบริษัทใหม่อีกครั้งในชื่อ NeXT ซึ่งหลังจากนั้นก็ถูก Apple ซื้อไปเป็นรากฐานของ OSX ของแอปเปิล จากนั้นเขายังได้เปิดบริษัท Pixar เพื่อสร้างสรรค์การ์ตูนแอนิเมชั่น 3 มิติ ชื่อดังอย่าง Toy Story , Monster Inc, Finding Nemo และถูกซื้อไปอยู่ภายใต้ Walt Disney ในเวลาต่อมา ก่อนที่โชคชะตาจะพลิกผัน และทำให้เขาได้กลับไปยัง Apple อีกครั้ง จนกระทั่งได้สร้างสรรค์สินค้าที่เปลี่ยนแปลงโลกอย่าง iPod, iPhone และ iPad

ฮาร์วาร์ดมหาลัยที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆ ของโลก ได้มีการทำวิจัยชิ้นหนึ่งที่มีชื่อเสียงมาก โดยผู้ตอบแบบสำรวจเป็นคนที่มีสติปัญญา การศึกษา และพื้นฐานการดำเนินชีวิตที่ไม่แตกต่างกัน พบว่า

27 % เป็นคนที่ไม่มีเป้าหมายในชีวิต

60 % เป็นคนที่มีเป้าหมายในชีวิตไม่ชัดเจน

10 % เป็นคนที่มีเป้าหมายระยะสั้น ๆ ที่ชัดเจน

3 % เป็นคนที่มีเป้าหมายระยะยาวชัดเจน

โดยได้ติดตามอีกเป็นเวลา 20 ปี แล้วพบว่าคนกลุ่มนี้มีชีวิตดังนี้

27 % ที่ไม่มีเป้าหมายในชีวิต พบว่าพวกเขาอยู่ในสังคมระดับล่างสุด และมักผิดหวังในชีวิต มักตกงานโดยต้องรับความช่วยเหลือทางการเงินจากสังคม ชอบบ่นว่าผู้อื่น และบ่น บ่น บ่น กับทุกสิ่งบนโลกใบนี้

60 % ที่มีเป้าหมายในชีวิตไม่ชัดเจน พบว่าพวกเขาอยู่ในสังคมระดับกลางและล่าง และได้งานที่มั่นคง แต่ว่าไม่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานมากเท่าที่ควร

10 % ที่มีเป้าหมายระยะสั้น ๆ ที่ชัดเจน พบว่าพวกเขาบรรลุเป้าหมายระยะสั้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้กลายเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เช่น หมอ ทนายความ วิศวกร ผู้บริการระดับสูง เป็นต้น

3 % ที่มีเป้าหมายระยะยาวชัดเจน พบว่าพวกเขาทุ่มเทความพยายามไปในทิศทางเดียวเท่านั้น ทำให้กลายเป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในสังคม

ผลวิจัยนี้ทำให้พวกเรารู้ว่า “หากคุณไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน ก็มิอาจประสบความสำเร็จในชีวิตได้” 

จริง ๆ แล้ว คนที่ประสบความสำเร็จจำนวนมากนั้น ไม่ใช่คนที่มีความสามารถและสติปัญญาโดดเด่นกว่าคนอื่น ตรงข้ามพวกเขาเป็นเพียงคนธรรมดา ๆ อาจเรียนได้อันดับท้ายๆ ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะ “คนธรรมดา ๆ เหล่านั้นมีความแน่วแน่กับเป้าหมายตนเอง  พวกเขาทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย และที่สุดก็ถึงจุดหมายปลายทางที่วางไว้ “ แต่สำหรับคนที่ฉลาดและเต็มเปี่ยมด้วยความสามารถกลับสนใจเสียทุกอย่างและไร้ซึ่งจุดหมาย ทำให้ที่สุดจึงไม่ประสบความสำเร็จแม้แต่อย่างเดียว ดังนั้น จึงอาจกล่าวได้ว่า “เป้าหมายชีวิตมีผลต่อความสำเร็จของคนธรรมดา ๆ”

ฝากช่วยกด Like กด Share ด้วย ขอบคุณครับผม

เป็นเพื่อนแชทพูดคุยสอบถามกันได้ที่ Line ID : @chavanut และ IG: chavy212

6 องค์ประกอบ เพื่อความสำเร็จ


ในหนังสือ “How to Be Rich” ซึ่งเขียนโดย เจ. พอล เก็ตตี้ (J. Paul Getty)

มหาเศรษฐีชาวอเมริกัน ได้กล่าวถึงองค์ประกอบ 6 ประการที่จะทำให้ประสบความสำเร็จในชีวิตไว้ดังนี้

1. คุณจะต้องมีธุรกิจเป็นของตัวเอง
2. ต้องขายสินค้าที่คนมีความจำเป็นต้องใช้
3. มีการรับประกันสินค้า 100%
4. ให้บริการเหนือคู่แข่ง
5. ให้ผลตอบแทนเฉพาะผู้ที่ทำงานเท่านั้น
6. การสร้างความสำเร็จของคุณจะต้องเกิดจากการช่วยเหลือผู้อื่นให้สำเร็จ

นอกจากนี้ โรเบิร์ต ที. คิโยซากิ (Robert T. Kiyosaki) ผู้เขียนหนังสือ “พ่อรวยสอนลูก” ที่โด่งดังไปทั่วโลกก็ได้กล่าวไว้ว่า…>

“คนที่รวยที่สุดในโลกมองหาวิธีการสร้างเครือข่าย ในขณะที่คนอื่นๆ มองหางานทำ”

ย้อนกลับมาพิจารณาธุรกิจเครือข่ายในบ้านเรา ยกตัวอย่าง เช่นแอมเวย์ คุณสมบัติพิเศษของธุรกิจเครือข่ายอย่างแอมเวย์ สามารถสรุปได้ 5 ข้อ ดังนี้

1. เป็นธุรกิจระยะยาว (Long-term Business)
2. เป็นธุรกิจที่ทำได้ง่าย ไม่ซับซ้อน (Simple Business)
3. เป็นธุรกิจที่ยุติธรรม (Fair Business)
4. เป็นธุรกิจของมหาชน (People Business)
5. เป็นธุรกิจที่พัฒนาศักยภาพของตนเองและผู้อื่น (Potential Development Business)

ลองเปรียบเทียบศึกษาดูนะครับว่า  ธุรกิจเครือข่ายอย่างแอมเวย์ ตรงกับที่ J. Paul Getty กับ Robert T. Kiyosaki กล่าวไว้หรือเปล่า ? ไม่มีใคร บังคับให้เราทำได้ นอกจากตัวเราเองเท่านั้นครับ ต้องกล้าที่จะเข้าไปถามดูจากคนที่ทำจริง ถ้ามันใช่ก็ทำดู ถ้าไม่ใช่ก็ถอยออกมา แค่นั้นเอง จริงมั๊ยครับ ?

ฝากช่วยกด Like กด Share ด้วย ขอบคุณครับผม

เป็นเพื่อนแชทพูดคุยสอบถามกันได้ที่ Line ID : @chavanut และ IG: chavy212

8 สิ่งต้องกล้าทำ เพื่อฝันอันยิ่งใหญ่

บทที่ 40 กล้าที่จะไปให้ถึงฝันอันยิ่งใหญ่
บทคัดย่อจาก หนังสือ ทำทีละอย่าง Just One Thing ของ ดร. ริค แฮนสัน, สนพ. อัมรินทร์

ได้อ่านหนังสือเล่มนี้แล้วชอบมากครับ จนอยากจะแชร์แบ่งปันให้คนอื่น  บทนี้เป็นบทนึง  ที่โดนใจคนมีฝันอย่างผมที่สุด อ่านบทนี้แล้ว มีฮึด! พร้อมกับความสงสัยว่ามันง่ายๆ แค่นี้เองเหรอ! เราคิดมากมาตลอด ว่าคนจะสำเร็จต้องทำนั่น ทำนี่! ทำโน่น!  ปวดหัวเลยบทนี้ทำให้ผมนี่  สงบ นิ่ง เห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์เลย เพื่อนๆ อ่านดูนะครับ หรือชอบก็ไปหาซื้อมาอ่านเลยคุ้มค่า! ให้อาหารสมองตัวเอง

image

เริ่มเลยดีกว่าครับ เราทุกคนมีความฝันกันทั้งนั้น ไม่ว่ามันจะเป็นเป้าหมายต่าง ๆ แผนอันยิ่งใหญ่ การที่เราอยู่เพื่ออะไร ? หรือการทุ่มเทเพื่อผู้อื่น….. สิ่งเหล่านี้อาจจะเป็น การลดน้ำหนักสัก  8  กก.   ประสบความสำเร็จในธุรกิจ เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต หลายฝันมาจากภาพในวัยเด็ก แล้วอะไรคือสิ่งที่หัวใจของคุณโหยหา!   มันอาจเป็นอะไรที่จับต้องได้   เช่น   การพาคนที่คุณรักท่องโลก หรือมันเป็นความฝันที่ต้องเอื้อมไกลอีกนิด เช่น การเกษียณตัวเองก่อนกำหนด ฝันเป็นจริงได้ด้วยการลงมือทำ 8 สิ่งนี้ เริ่มจาก….

1. หาเวลา สถานที่เงียบๆ แล้วถามตัวเองว่า คุณ ฝันถึงสิ่งใด ?

หรือย้อนกลับไปตอนคุณอายุยังน้อย แล้วถามว่า ความฝันของคุณคืออะไร ?

(วัยเด็กมีจินตนาการ และความฝันมากว่าตอนเราเป็นผู้ใหญ่ ไม่ติดเงื่อนไขว่าเป็นไปได้หรือไม่ได้ จริงหรือไม่จริง สรุปว่า คิดแบบผู้ใหญ่ คิดเยอะ !  แถมติดลบอีก ! : Admin)

2. เปิดกว้างรับคำตอบ
อย่าไปปฏิเสธ  ด้วยเหตุผลที่ว่า   มันเป็นไปไม่ได้ สายเกินไป  เราไม่เก่ง เป็นต้น  แล้วเขียนมันออกมา ย้ำ!!! “ต้องเขียนมันออกมา”

(เคยมีผลการทดลองออกมาว่า คนที่เขียนความฝันออกมากับคนที่ไม่ได้เขียน  ผลลัพธ์คนที่เขียนความฝันออกมา  ประสบความสำเร็จในชีวิตมากกว่าคนที่แค่คิด แต่ไม่ได้เขียนมันออกมา : Admin)

3. ให้ลองทำกระดานความฝันของคุณออกมา
ด้วยการเอาภาพ  (หรือคำพูด)  ที่แทนความฝัน (หลายอย่าง) ของคุณมาแปะรวมกันไว้

(เป็นการตอกย้ำภาพ ความฝันของคุณเข้าไปในจิตใต้สำนึกของคุณ : Admin)

4. ลองทำความรู้สึกดูว่า จะเป็นอย่างไร ? ถ้ามันกลายเป็นความจริง
และสิ่งนั้นจะดีต่อตัวคุณ  และผู้อื่นอย่างไรบ้าง ?

(จินตนาการสำคัญกว่าความรู้  แถมมีพลังผลักดันมหาศาลให้คุณมุ่งสู่ฝันที่ยิ่งใหญ่ของคุณ  อย่างไม่ย่อท้อ : Admin)

5. คิดดูว่าคุณจะทำอะไรที่เป็นรูปธรรมได้บ้าง ?
เพื่อจะได้ก้าวเข้าใกล้การเติมเต็มความฝัน ของคุณ แต่อย่าชะงักกับ การลงรายละเอียดหรือคิดถึงแตอุปสรรคมากเกินไปให้มองหาสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่คุณสามารถทำได้และเสริมสร้างได้ทีละนิดทุกๆวัน

(เดินทางหมื่นลี้ เริ่มจากก้าวแรก   เป็นก้าวเล็กๆที่จะค่อยๆ  พาคุณเดินไป ในเส้นทางฝันของคุณ   หาก   คุณไม่ออกเดินก็ไม่มีวันถึงฝัน ไม่สำคัญว่าเร็วหรือ ช้า มันสำคัญว่า “คุณได้ออกเดินหรือยัง ?” : Admin)

6. ทำแผนการออกมาด้วยการเขียนแผนการ       ของคุณออกมา พร้อมเขียนวันที่กำกับลงไปด้วย

(เอ่อ เอื๊อก สู้โว้ย ให้กำลังใจกันหน่อย ก่อนออกเดินทางสู่ฝันอันยิ่งใหญ่ของคุณ ก็ต้องทำแผนที่การเดินทางก่อน และกรุณาเขียนด้วยว่า  วันที่คุณบรรลุฝันคือ… หากไม่มีวันที่กำกับ  คุณจะเรื่อยเปื่อย ล่องลอย  อาจจะหมดลมหายใจ   ก่อนถึงฝันอันยิ่งใหญ่ของคุณ : Admin)

7. ลงมือทำมันเลย
ถ้าคุณบันทึกการกระทำของคุณลงไป ตามจริงมันอาจจะช่วยคุณได้ เช่น เขียนไปว่า คุณใช้เวลาไปมากเพียงใดในแต่ละวันกับการออกกำลังกาย

(ช่ายแล้ว! ทำมันเลย  อย่ารีรอสิ่งใด  ไม่ต้องดูฤกษ์   ฤกษ์ดีเป็นมงคลชีวิตของคุณคือ   บัดนาว   บัดเดี๋ยวนี้  แล้วการเขียนไปว่า  คุณทำอะไรไปบ้าง ?  มันเป็นการตอกย้ำสิ่งที่คุณทำ   มีสติ  มุ่งมั่น  โฟกัสกับสิ่งที่คุณทำจริงๆ มันข่วยได้ดีจริงๆ ยิ่งได้อ่านมันซ้ำๆ ยิ่งโฟกัส ยิ่งใกล้ฝันของคุณ ชนิดเห็นชัดเจนเห็นรูขุมขนเลยทีเดียว : Admin)

8. ปล่อยให้ความฝันเลี้ยงชีวิตคุณ
ตลอดเวลาที่คุณทำกิจกรรมต่างๆ นั้น  ขอให้คุณรู้สึกถึงหัวใจ   อันเต็มไปด้วยความดีงาม  ของความฝัน ว่ามันออกมาจากส่วนลึกภายในได้อย่างไรมันมีประโยชน์อย่างไร ? มันจะช่วยคุณ   และช่วยผู้อื่นได้อย่างไร ยอมยกตัวเองให้กับความฝันของคุณ   “ให้ความฝันเป็นเพื่อนคุณ !!!!!!!!! ”

(ประโยคท้ายนี่มันกินใจมากครับ  “ให้ความฝันเป็นเพื่อนคุณ”  นั่นคือ เราจะไม่พรากจากกันจนกว่า คุณจะเป็นคนที่ประสบความสำเร็จตามฝันของคุณและเราจะยังเดินทางไปกับความฝัน  เพื่อนแท้  เพื่อนตาย  เพื่อนรัก ของเราจนกว่าลมหายใจสุดท้ายของชีวิตมาเยือน    “รักนะ ความฝัน เพื่อนเลิฟ” : Admin)
สรุปฝันจะเป็นจริงได้ เมื่อคุณได้ทำตาม  8  สิ่งที่หนังสือดีๆ เล่มนี้บอก แต่ แต่ แต่..คุณต้องลงมือทำ ขอบคุณสิ่งดีๆ  ที่ได้รับจากหนังสือเล่มนี้   จำไว้ครับ “รู้แล้วต้องลงมือทำ ไม่ทำก็เหมือนไม่รู้”

ฝากช่วยกด Like กด Share ด้วย ขอบคุณครับผม

เป็นเพื่อนแชทพูดคุยสอบถามกันได้ที่ Line ID : @chavanut และ IG: chavy212