โรคอ้วน (Obesity) ไม่ลดน้ำหนัก โรคเพียบ!

โรคอ้วน หรือภาวะโภชนาการเกิน คือ การที่ร่างกายสะสมไขมันไว้มากผิดปกติ ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคที่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติ ของระบบเผาผลาญสารอาหารในร่างกาย (Metabolic syndromes) เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคความดันโลหิตสูง โรคมะเร็ง

image

ปัจจุบันงานวิจัยทางโภชนาการระบุสาเหตุของโรคอ้วนไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นสาเหตุความผิดปกติของร่างกาย หรือความผิดปกติของระบบประสาท บางสาเหตุป้องกันได้ ในขณะที่บางสาเหตุก็ไม่สามารถป้องกันได้ อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าสาเหตุของการอ้วนจะเป็นอย่างไร มักจะจบลงด้วยเหตุผลของการที่ร่างกายได้รับพลังงานจากอาหารมากกว่าพลังงานที่ร่างกายจะใช้ออกได้หมด พลังงานส่วนที่เหลือใช้จะถูกสะสมในรูปของไขมันใต้ผิวหนัง แต่จะเป็นบริเวณใดก็ขึ้นกับหลายปัจจัย สำหรับบริเวณที่ไขมันสะสมแล้วทำให้ เกิดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรื้อรังสูงที่สุดก็คือ บริเวณภายในช่องท้อง หรือพุงนั่นเอง

งานวิจัยทางโภชนาการจำนวนมาก ได้ศึกษาหาสาเหตุที่ทำให้เกิดความไม่สมดุลย์ของพลังงานที่กินกับที่ใช้ไป หากสามารถกำจัดสาเหตุนี้ได้เราก็จะสามารถสมดุลย์พลังงานได้ การควบคุมน้ำหนักก็จะประสบความสำเร็จได้ง่ายขึ้น 

ข้อมูล : ผศ. ดร. สุวิมล ทรัพย์วโรบล ภาควิชา โภชนาการและการกำหหนดอาหาร  คณะสหเวชศาสตร์  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

Thank you for picture from : www.ThedailyTweight.com

เป็นเพื่อนแชทพูดคุยกันได้ที่ Line id : chavanut

หรือถนัด Talk ก็นี่เลย! มือถือ : 080 966 6866

รีวิว แอพออกกำลัง Seven Minute เพื่อลดน้ำหนัก

พูดถึงกระแสการออกกำลังช่วงนี้ถือว่า มาแรงมาก ๆ เมื่อก่อนผมไปทำงานออกจากบ้านตีห้าครึ่ง เงียบ ไม่มีใคร มีแต่คนขับรถออกไปทำงานเช้ากันทั้งนั้น แต่สักระยะที่ผ่านมาเริ่มสังเกตเห็นว่า มีสาวมาก สาวน้อย หนุ่มอ้วน หนุ่มเหลือน้อย พาเหรดกันออกมาวิ่งเหยาะ ๆ บิดซ้าย บิดขวา ยืดเหยียดกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งช่วงหยุดยาวหลาย ๆ วัน ขอบอก เพียบ!!! วันนี้ผมขอแนะนำแอพออกกำลังในมือถือที่ผมใช้เป็นประจำทุกวัน ซึ่งมันสามารถทำให้เราออกกำลังได้อย่างถูกต้อง ยิ่งคนที่กำลังจะเริ่มต้นออกกำลังก็เหมาะเลย

แอพ Seven Minute เราสามารถโหลดมาใช้งานได้จาก App Store ในระบบ ios ของ iPhone ได้ฟรี !

วิธีการใช้งาน แอพ Seven Minute

  1. เปิดแอพ Seven Minute
  2. เลือกโปรแกรมออกกำลัง เช่น Classic, Fat Burn เป็นต้น ก็ตามความต้องการเลยครับ
  3. กดตรง LET’S GO เพื่อเริ่มโปรแกรมการออกกำลัง
  4. เริ่มออกกำลัง GET READY นับถอยหลัง เริ่ม 1 2 3 4 ทำตามแอพแนะนำจนครบ 12 ท่า สามารถแตะเลื่อนข้าม หรือถอยหลังได้
  5. หากไม่เข้าใจแต่ละท่าว่าทำอย่างไร ? ก็แตะที่รูปจะมีคำอธิบาย แต่เป็นภาษาอังกฤษ สบายอยู่แล้วคนไทยเก่งภาษาอังกฤษ
  6. เราสามารถดูประวัติวันเวลาที่ออกกำลังได้
  7. เราบันทึกโปรไฟล์ของเราเองได้ และยังสามารถดึงข้อมูลจาก แอพ Health ของ iPhone มาได้ด้วยนะครับ
  8. ถ้าไม่อยากฟังเสียงจากแอพ ก็สามารถปิดเสียงได้ด้วย เข้าไปที่ Setting รูปฟันเฟือง
S__28229662

ภาพในแต่ละหน้าของแอพ Seven Minute

สรุปผลจากการที่ผมได้ออกกำลังด้วยแอพ Seven Minute ได้มา 3 คำนี้เลยครับ  ง่าย  เร็ว  ดี โหลดมาประจำการในไอโฟนของเราได้เลย

  • ง่าย คือ ก็แค่ทำตาม
  • เร็ว คือ มันใช้เวลาแค่ประมาณ 7 นาที เท่านั้น
  • ดี คือ ได้ทั้งเบิร์นแคลอรี่และสร้างกล้ามเนื้อ

เป็นเพื่อนแชทพูดคุยกันได้ที่ Line id : chavanut

หรือถนัด Talk ก็นี่เลย! มือถือ : 080 966 6866

ลดน้ำหนักจนได้น้ำหนักที่ต้องการได้อย่างไร บอดี้คีย์ (BodyKey)

         ลดน้ำหนัก  ผมลองเสิร์ชหาคำนี้ใน Google  แม่จ้าว!!!  1,670,000 คือผลลัพธ์ที่ได้  นั่นแสดงว่าในโลกออนไลน์มีเรื่องเกี่ยวกับลดน้ำหนักมากมายมหาศาลเลยทีเดียว แล้ววิธีไหนคือ วิธีที่ดี ถูกต้อง ปลอดภัย ล่ะ !!! ผมก็เป็นคนนึงล่ะที่เจอปัญหาเรื่อง น้ำหนักตัว อวบ อ้วนท้วนสมบูรณ์พูนสุข ก็กินอะไร ? ก็อร๊อย อร่อย ไปหมด ผมจำได้ว่าตอนผมเริ่มต้นทำงานใหม่ๆ เมื่อประมาณ 25 ปีที่แล้ว น้ำหนักแค่ 56 กิโล เท่านั้นเอง ไม่น่าเชื่อ!  บริษัทเลี้ยงดี อยู่ดี กินดี มีความสุข น้ำหนักของผมเพิ่มเป็น 77 กิโล เพิ่มมา 21 กิโลกรัม จากหนุ่มน้อยรูปร่างบอบบาง สู่หนุ่มใหญ่รูปร่างตุ้ยนุ้ย เลี้ยงพุงกะทิไว้ด้วย เตะบอลก็ไล่เขาไม่ทัน เดินขึ้นกะไดก็ลิ้นห้อย ออกแรงนิด ออกแรงหน่อย ก็หอบ แฮ่ก แฮ่ก !! สาวๆเรียกป๋าขาซะงั้น  อึดอัดสุดๆ กางเกง เสื้อผ้าเริ่มปริ เริ่มทนตัวเองไม่ไหว ยิ่งตอนอาบน้ำเสร็จมองดูตัวเองในกระจก นี่กรู!!! เหรอวะเนี่ย ยิ่งมีคนทักว่า อ้วน อวบ โคตร! ขาดความมั่นใจเลย นี่คือที่มาของการปฏิวัติตัวเอง ด้วยการต้องลดน้ำหนักเป็นการด่วน! เริ่มด้วย……

อย่างแรกต้องรู้สาเหตุความอ้วนก่อนว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร ? ถึงค่อยหาวิธีลดน้ำหนักที่ดีที่สุด สาเหตุ คือ แคลอรี่หรือกิโลแคลอรี่ หน่วยพลังงานจากอาหารที่เรากินเข้าไป เพื่อให้ร่างกายของเราใช้งานทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่น เดิน นั่ง วิ่ง นอน ทำงาน ออกกำลัง เบ่งตด หงุดหงิด สรุปทุกกิจกรรมต้องใช้พลังงานจากอาหารที่เรากินเข้าไป จำไว้สองคำ คือ กินกับใช้ ดังนี้

  1. กิน  เท่ากับ  ใช้  ผลลัพธ์ คือ น้ำหนักคงที่
  2. กิน  มากกว่า  ใช้  ผลลัพธ์ คือ น้ำหนักเพิ่มขึ้น
  3. กิน  น้อยกว่า  ใช้  ผลลัพธ์ คือ น้ำหนักลดลง
สาเหตุที่น้ำหนักเพิ่ม คือ ข้อ 2  แต่ถ้าอยากผอมก็ต้องทำข้อ 3  ถ้าอยากรักษาน้ำหนักก็ทำตามข้อ 1

S__26247170

ต่อมาก็หาข้อมูลวิธีการลดน้ำหนักแบบต่าง ๆ ดูข้อดี ข้อเสียของแต่ละวิธี จนสรุปได้แบบนี้เลย มาดูกันว่าเป็นยังไงบ้าง ? แบ่งได้เป็น 3 กลุ่ม ตามนี้เลย……

         กลุ่มที่ 1  อดอาหาร กินยาลดน้ำหนัก กินกาแฟลดน้ำหนัก   วิธีนี้คือ กินหรือทำให้กินอาหารน้อยลง ทำให้พลังงานหรือแคลอรี่ที่ร่างกายได้รับน้อยลงไปด้วย ไม่ต้องพูดถึงสารอาหารต่าง ๆ ก็น้อยลงไปหรือไม่ครบ และทำให้กล้ามเนื้อซึ่งเป็นเตาเผาแคลอรี่สูญสลายเหลือน้อยลง ระบบเผาผลาญแคลอรี่ต่ำลง น้ำหนักลดลงแบบโทรม ๆ นานเข้าอาจทำให้เป็นโรคขาดสารอาหารได้ พอออกจากคอร์สลดน้ำหนัก ไม่นานน้ำหนักจะเพิ่มกลับขึ้นไปอย่างรวดเร็ว กินนิดเดียวก็อ้วน ซึ่งเรียกว่า อาการโยโย่ และจะอ้วนผอม อ้วนผอม ไปแบบนี้ตลอดที่ใช้วิธีนี้ แถมเมื่อกลับมาอ้วนใหม่ น้ำหนักจะมากกว่าเดิมทุกครั้ง กลายเป็นว่า   “ยิ่งลด ยิ่งอ้วนมากกว่าเดิม”

         กลุ่มที่ 2  คุมแคลอรี่ด้วยการควบคุมอาหาร   ผมเคยลดด้วยวิธีนี้มาแล้วครั้งนึง กินน้อย เลือกกินอาหารที่ให้แคลอรี่ต่ำ แต่การที่จะกินให้ได้สารอาหารครบ แต่ได้แคลอรี่ต่ำ เป็นเรื่องที่ยากมากๆ สำหรับชีวิตคนทำงาน เดินดิน กินข้าวแกง ไม่ได้มีเวลาทำอาหารกินเอง น้ำหนักลดลงนะครับ แต่แค่ 3 กิโล เอวลดไปแค่นิ้วเดียว เศร้าจัง! หลังจากนั้น ไม่ว่าจะทำยังไง มันก็ไม่ลดอีกเลย นิ่ง นิ่ง นิ่ง จนผมต๊อแต๊ !!! เลิกลดน้ำหนักไปเลย ถามว่าเพราะอะไรมันถึงได้แค่นั้น แล้วนิ่ง ก็จากวิธีนี้ คล้ายกับกลุ่มแรกละครับ กินน้อย แคลอรี่น้อย สารอาหารน้อยไม่ครบ ทำให้สูญเสียมวลกล้ามเนื้อเตาเผาพลังงานของร่างกาย ระบบเผาผลาญเสียหายยับเยิน สุดท้ายกินน้อยลงเท่าไหร่ ก็ไม่ลด แถมพอเลิกลดน้ำหนักก็กลับมาอ้วนหนักกว่าเดิมอีก โยโย่ อีกเหมือนกลุ่มแรก เฮ้อ !!!! ดูตารางด้านล่างเป็นน้ำหนักตอนที่ผมใช้วิธีนี้ลง พอดีผมจดไว้ที่ข้างตู้เสื้อผ้า

S__26189829

         กลุ่มที่ 3  ใช้ผลิตภัณฑ์ทดแทนมื้ออาหารและตัวช่วย   ซึ่งวิธีนี้ต้องลงทุนครับ กับตัวทดแทนมื้ออาหารและตัวช่วย เพื่อลดน้ำหนัก เพราะตัวทดแทนมื้ออาหารทำให้เราได้ปริมาณอาหารและแคลอรี่น้อยลง แต่กลับกันตัวทดแทนมื้ออาหารให้สารอาหารครบและเพียงพอในแต่ละมื้อ รักษาและเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ ทำให้ระบบเผาผลาญของเราไม่เสียสมดุลย์ กลับเพิ่มมากขึ้นด้วยซ้ำ น้ำหนักลดได้มากกว่าวิธีอื่นในระยะเวลาที่เท่ากัน ไม่โทรม ไม่ทรมาน และพอออกจากคอร์สก็ไม่กลับไปอ้วนอีก เพราะระบบเผาผลาญยังดีอยู่ ไม่โยโย่!!!

S__26181708

จากข้อมูลเบื้องต้นผมเลือกวิธีการลดน้ำหนักด้วยผลิตภัณฑ์ทดแทนมื้ออาหารและตัวช่วย 

  1. ตัวทดแทนมื้ออาหาร เป็นตัวหลัก
  2. ตัวหลักช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อและซ่อมแซมร่างกายระหว่างการลดน้ำหนัก 
  3. ตัวช่วยบล้อกแป้งและน้ำตาล 
  4. ตัวช่วยเพิ่มการเผาผลาญและรักษามวลกล้ามเนื้อ 
  5. ตัวช่วยปรับระบบการเผาผลาญให้สมดุล

ระยะเวลาที่ผมเข้าโปรแกรมเป็นเวลา 8 สัปดาห์ ผมว่าเรามาร่ายกันดีกว่าว่ายังไง

1. ตัวทดแทนมื้ออาหาร ตัวนี้เป็นตัวหลักเลยสำหรับการลดน้ำหนักโดยการควบคุมแคลอรี่ โดยคุณลักษณะและประโยชน์ดังนี้เลย

  • ต้องให้สารอาหารครบถ้วนที่ร่างกายต้องการในแต่ละมื้ออาหาร เช่น วิตามิน เกลือแร่ โปรตีน ไฟเบอร์ ฯลฯ
  • พกพาสะดวก เมื่อต้องเดินทาง
  • ให้พลังงานต่ำ

2. ตัวช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อและซ่อมแซมร่างกาย ตัวนี้เป็นตัวที่สำคัญในระยะยาวหลังจากออกโปรแกรม ช่วยไม่ให้เราเกิดอาการ โยโย่ เอ็ฟเฟ็ค มีประโยชน์ดังนี้เลย

  • ต้องให้กรดอะมิโนจำเป็นครบถ้วน
  • ร่างกายสามารถดูดซึมได้มาก และนำไปใช้งานได้ทันที

3. ตัวช่วยบล้อกแป้งและน้ำตาล นี่เป็นตัวช่วยที่สำคัญเลยครับ เพราะส่วนใหญ่แล้วคนที่อ้วน น้ำหนักเพิ่มก็มาจากแป้งและน้ำตาลที่กินมากเกินไป คนไทยกินข้าวเป็นหลัก ยิ่งมื้อไหนเจอกับข้าวรสชาติอร่อย มีเบิ้ลสอง เบิ้ลสาม แน่นอน อย่าคิดว่ากินข้าวแล้วไม่อ้วน นะครับ อ้วนได้ถ้ากินแล้วนอนหรืออยู่นิ่ง ๆ ใช้ไม่หมด ร่างกายก็จะแปรรูปเอาไปเก็บสะสมไว้ใช้ พอรุ่งเช้ามันก็เรียกร้องของใหม่ทันที ไม่ได้เอาของเก่าเก็บมาใช้นะครับ พอสะสมนานเข้าก็น้ำหนักพุ่งพรวด อ้วนท้วนสมบูรณ์เรียบร้อย

  • ช่วยบล้อกแป้งและน้ำตาล ไม่ให้ร่างกายดูดซึมไปเก็บสะสมเป็นไขมันตามร่างกาย
  • ช่วยควบคุมระดับน้ำตาล

4. ตัวช่วยเพิ่มการเผาผลาญและรักษามวลกล้ามเนื้อ

  • ช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญแคลอรี่ให้มากขึ้น ยิ่งร่วมกับการออกกำลังกายด้วย ยิ่งเผาผลาญได้มากขึ้น
  • ช่วยรักษามวลกล้ามเนื้อให้คงอยู่ ไม่หายไประหว่างเข้าโปรแกรม

5. ตัวช่วยปรับระบบการเผาผลาญให้สมดุล

  • ช่วยปรับระบบการเผาผลาญที่เสียหายให้ทำงานได้ดีขึ้น
  • ช่วยให้อัตราการเผาผลาญเพิ่มขึ้น

สรุปสุดท้าย

ระยะเวลา 8 สัปดาห์

ลดน้ำหนักได้มากกว่าการควบคุมอาหารด้วยตัวเองเกือบ 2 เท่า คือ 6 กิโลกรัม (เอาแค่เดือนแรกเท่ากัน) คุมอาหารเองได้แค่ 3 กิโลกรัม จบคอร์ส 8 กิโลกรัมบริบูรณ์

เอว ลดไป 4.5 นิ้ว กางเกงต้องเปลี่ยนใหม่ เพราะพอรัดเข็มขัดแล้ว มันย้วยเหมือนกางเกงเลไปเลย

ตะโพก ลดไป 3.5 นิ้ว เมื่อก่อนเล่นบอล ชอบโดนเพื่อนแซวว่า “มึงวิ่งช้า เพราะหนักตูด” แหม! ทีเดียวไม่เท่าไหร่ แต่บ่อยเข้ามันปวดใจจิ๊ดทีเดียว

สภาพร่างกายไม่ได้ดูโทรม เหี่ยว หย่อนยานอะไรเลย ปกติ แต่ไซส์เราลดลง วิ่ง เดิน ออกกำลังสบายตัวจริง ๆ รู้งี้ลดตั้งนานแล้ว น้อง ๆ ที่ทำงานยังทักกันเลยว่า “พี่ไปทำไรมา หล่อ ผอม เพรียว หน้าตาดูเด็กลง” ผมงี้! ยิ้มปากแทบฉีก นี่ไง! คำพูดที่อยากได้ยิน

ดูตารางที่ผมทำเปรียบเทียบไว้ กับรูปด้านล่างดูครับ หวังว่าประสบการณ์การลดน้ำหนักของผมจะช่วยให้ทุกคน ตัดสินใจเลือกได้ว่า ถึงเวลาหรือยังที่เราต้องลดน้ำหนัก เพื่อรูปร่างที่ดี และสุขภาพที่ดี

S__26796034

รูปกราฟ เปรียบเทียบการลดน้ำหนักระหว่างควบคุมอาหารด้วยตัวเอง (เส้นสีฟ้า) กับตัวทดแทนมื้ออาหารและตัวช่วย (เส้นสีเขียว)

ลองตั้งคำถามกับตัวเองดูนะครับว่า ทำไมเราถึงต้องลดน้ำหนัก ลดแล้วเราจะเป็นอย่างไร ได้คำตอบแล้ว ก็ตัดสินใจเองครับว่าจะยังไงดี

“การเริ่มต้นลดน้ำหนักที่ดีที่สุด คือ เริ่มเดี๋ยวนี้ เพราะถ้าคุณไม่ตัดสินใจลดเอง เมื่อถึงเวลานั้น ก็อาจจะมีหมอมาบอกให้คุณลดน้ำหนักอยู่ดี”

เป็นเพื่อนแชทพูดคุย แชร์เพิ่มเติมกันได้ครับที่ Line id : chavanut

หรือถนัด Talk ก็นี่เลย! มือถือ : 080 966 6866